Category ข่าวบันเทิง

แอริน ยุกตะทัต เปลี่ยนความคิด

แอริน เปลี่ยนความคิดเตรียมเก็บไข่อยากมีเบบี๋ เลิกซ่าห่างปาร์ตี้หันมาดูแลตัวเอง

เจ้าสาวป้ายแดงอารมณ์ดี แอริน ยุกตะทัต ที่เพิ่งวิวาห์สละโสด เริ่มชีวิตคู่ไปเมื่อ สิ้นเดือนที่ผ่านมา ปัจจุบันมาเปิดใจกับพิธีกร แมทธิว ดีน ในรายการ “วัน เดย์ วิท แมทธิว หนึ่งวันมันดี ตีซี้คนดัง” ว่าพร้อมสร้างเบบี๋แล้ว

“ตัวเราสมัยก่อนกับปัจจุบันนี้ จะไม่เหมือนกันเลยค่ะ เมื่อก่อนจะเห็นเราแข่งรถ ชอบขับเร็วเวลาอยู่ในสนาม ตามหา ความรู้สึกที่ทำให้หัวใจ เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากร่าง ยอมรับว่าซ่าตั้งแต่เด็ก ตอนเรียนห้าวๆ เด็กอินเตอร์เดินสายปาร์ตี้ สุดเหวี่ยง แต่พอโตเป็นผู้ใหญ่ ขี้กลัวจะตายค่ะ (หัวเราะ) ขับรถช้า เป็นไปตามวัยมากกว่า ตื่นเช้า ดูแลตัวเอง ชอบอยู่บ้านแล้วก็แทบเลิกดื่มไปเลย

แอริน ยุกตะทัต เตรียม

แอริน ยุกตะทัต ทุกคนจะทราบดีว่าเราเพื่อนเยอะ แต่โลกและสังคมเปลี่ยนไป

หลังจากโควิดมาเราไม่ต้องการที่จะอยากออกไปไหน อยู่แต่ว่าบ้านดูทีวี คิดว่ามันดีสำหรับเรา ด้วยเหตุว่าวัยเราควรจะหยุดได้แล้ว เจอคนลดลง ชอบอยู่กับตนเองเยอะขึ้น ยิ่งเป็นคนแอ็กทีฟ ชอบออกกำลังกาย ชอบฟังเพลง เล่นแอเรียลโฟลว์ เน้นกีฬาสวยๆ งามๆ จะได้มีภาพลงไอจี เพราะเหตุว่าเวลาไปออกงาน เดี๋ยวก็กลายเป็นมีมอีก (หัวเราะ) แต่ว่าจุดเปลี่ยนสำคัญเลย ก็คือการเป็นเจ้าสาว โชคดีที่คบกันมานานแล้ว เราเลยปรับกันไม่มาก แค่เลื่อนเป็นสามีภรรยา และก็ทำหน้าที่กันเหมือนเดิม

แต่คุณสามีบิ๊กเบญเขา เป็นคนนิ่ง ตรงข้ามกับเราที่เขาไม่ค่อยพูด ซึ่งดีจะได้ไม่ตีกับเรา (หัวเราะ) เรื่องน้องตอนแรกเราไม่อยากมีนะ แต่พอเห็นลูกของเพื่อนๆ แล้วเราแฮปปี้ ก็เลยต้องการมีบ้าง เนื่องจากเราเป็นคนรักเด็กด้วย ก็ต้องการมีสัก 2 คน แต่ด้วยวัยทองแล้วไข่น้อย พักน้อย กินอาหารไม่ครบ 5 หมู่ เดี๋ยวนี้เลยดูแลตัวเองมากๆ เพื่อเก็บไข่ก่อนค่ะ หวังว่าจะได้เป็นมามี้เร็วๆ นี้ค่ะ”

แอริน ยุกตะทัต อารมณ์สวิง

แอริน ยุกตะทัต พร้อมเป็นแม่แล้ว เผยวิธีผสมตัวอ่อน อารมณ์สวิงเห็นอะไรก็ร้องไห้

แอริน เผยวิธีการทำ ICSI ผสมตัวอ่อน บอกอยู่ในภาวะอารมณ์สวิงขั้นสุด หวังจะได้เป็นแม่เร็วๆ นี้ นักแสดงสาว แอริน หลังแต่งงานกับ ไฮโซเบญจ เบญจรงคกุล ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า พร้อมจะเป็นคุณแม่อยากมีลูกเลย ล่าสุด แอริน ได้เปิดเผยวิธีการผสมตัวอ่อน ซึ่งคราวนี้เป็นรอบที่ 2 กับเผยขั้นตอนการฉีดฮอร์โมน และก็กล่าวว่าในตอนนี้เธอต้องพบเจอกับ ภาวะอารมณ์สวิง เห็นอะไรก็ร้องไห้ไปหมด

“การทำ ICSI (ผสมตัวอ่อน) รอบ 2 ของแอร์ค่ะ รอบนี้ยากกว่ารอบแรก ไม่รู้ทำไมแม้ว่าไข่น้อย กว่ารอบที่แล้วอีก (รอบที่แล้ว 5 ฟอง รอบนี้ 4 ฟอง) อารมณ์สวิงขั้นสุด ตั้งแต่เริ่มฉีดยากระตุ้นเอง จนกระทั่งความอึดอัด อืด และหน่วงของท้อง บางทีอาจเป็นเนื่องจากรอบนี้ ฉีดไปด้วย รวมทั้งทำงานเยอะด้วย หอบไปฉีด ที่ประเทศสิงคโปร์ด้วย เห็นอะไรก็ร้องไห้

เห็นหมาก็ร้องไห้ เหนื่อยแหละ งอแงสุดๆ แต่ก็ผ่านมาได้ค่ะ ถึงแม้ว่าแพทย์ม้อนจะน่ารักแค่ไหน แต่ว่าขอให้รอบนี้ เป็นการเก็บหนสุดท้ายนะคะ พบกันอีกครั้งตอนพร้อมเป็นหม่ามี๊เลยค่ะ (แต่เราเจอกันนอกรอบได้นะคะ)

“ขอขอบคุณคุณหมอม้อนสุดสวย @mont.sukprasert และก็พี่ๆ พยาบาลทุกคนที่ @nicivfclinic มากๆนะคะ รักกกก และ @benja_b ที่เป็นกำลังใจ ให้ตลอดและก็อดทนคอยปลอบเมื่อยามงอแง”

หลายคนเห็นแล้วต่างเข้ามาส่งกำลังใจ ให้กับ แอริน พร้อมกับอวยพรขอให้มีเบบี๋ เป็นคุณแม่สมใจปรารถนาไวๆ ค่ะ

แอริน ยุกตะทัต แต่งงาน

แอริน จับมือ ไฮโซเบญ เข้าพิธีแต่งงานเรียบง่ายแต่อบอุ่น เจ้าสาวซึ้งน้ำตาแตก

ภายหลังที่นักแสดงสาว แอริน ถูกหวานใจไฮโซเบญ เบญ เบญจรงคกุล ทำเซอร์ไพรส์คุกเข่าขอแต่งงาน หลังจากที่ทั้งสองคบหา ดูใจกันมานาน 4 ปีกระทั่งรักสุกงอม

และก็ในวันที่ (2 ธ.ค. 65) ที่ผ่านมาได้ฤกษ์งามยามดี ที่ แอริน แล้วก็ เบญ ได้จับมือกันเข้าสู่ประตูวิวาห์ ซึ่งเป็นการจัดงานแต่ง แบบเรียบง่าย รวมทั้งบรรยากาศในงาน เป็นไปอย่างเรียบง่าย แต่ว่าอบอุ่นสุดๆ เนื่องจากมีครอบครัว และคนสนิทของทั้งสองฝ่าย ร่วมเป็นสักขีพยานรัก ในการเริ่มชีวิตคู่ของทั้งสองอีกด้วย

แอรินไฮโซเบญ

โดย ปู่ไพวงษ์ เตชะณรงค์ ก็ได้โพสต์รูปภาพพร้อมกับเขียนอวยพร แอรินแล้วก็เบญ ผ่านทางอินสตาแกรมของตนว่า “วันนี้ปู่มาเป็นเถ้าแก่ให้แอริน แต่งกับเบญจ เบญจรงคกุล เจ้าสาวสวย เจ้าบ่าวหล่อ ปู่ขออวยพรให้ทั้งคู่มีความสุขมากๆ”

แอริน-ไฮโซเบญ ฉลองวิวาห์หวานที่จังหวัดภูเก็ต จัดงานริมหาดสวยๆ เป็นคู่บ่าวสาวป้ายแดง ไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับนางร้ายสาวแซ่บ แอริน ยุกตะทัต และไฮโซหนุ่ม เบญ เบญจรงคกุล หลังจากเข้าพิธีการวิวาห์ไปตอนวันที่ 2 ธ.ค. 2565 ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาในโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ จังหวัดกรุงเทพ

โดยทั้งสองได้จัดพิธียกน้ำชาแบบจีน ก่อนที่จะเข้าพิธีรดน้ำสังข์ แล้วก็แต่งงานอย่างชื่นมื่น ท่ามกลางความรู้สึกชื่นชมของคนภายในครอบครัว ตลอดจนผู้ใหญ่ เพื่อนสนิท ที่ต่างมาร่วมพิธีกันอย่างพร้อมหน้า

มะนาว ศรศิลป์ เคลียร์

มะนาว ศรศิลป์ เคลียร์คนเม้าท์เรียนต่อแล้วใจแตก ยังโสดเพราะเข็ดรักเก่า

นางเอกแถวหน้าของช่องมากสี ที่จู่ๆ หายไปจากแวดวงเพื่อไปเรียนอย่าง มะนาว ศรศิลป์ แล้วยังมีข่าวว่าไปเรียนต่อ แล้วใจแตก! พร้อมอัปเดตสถานะหัวใจ ยังโสด และยังไม่เปิดใจ เพราะว่าเข็ดจากความรักครั้งเก่า ที่คบมานาน 12 ปี

แถมทั้งชีวิตมีแฟน เพียงคนเดียว ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บ SHOW ออกอากาศทางช่อง One 31 ที่มี พีเค ปิยวัฒน์ และก็เป๊กกี้ ศรีธัญญา ดำเนินรายการ

จู่ๆหายไปจากวงการ?

มะนาว : เราอยู่วงการมาตั้งแต่อายุ 16-17 แล้ววันนั้นที่ตัดสินใจว่า จะไปเรียนต่อคิดกับตนเองนานเช่นกันกว่าจะขอที่บ้านได้ กว่าจะขอต้นสังกัดได้ ตอนนั้นถ่ายละครทุกวัน เรามีความคิดว่าเรามีเป้าหมาย อยากไปศึกษาต่อความฝัน สูงสุดของเรา เราเข้าวงการเร็ว การเรียนเราไม่เต็มที่กับเค้า

มะนาว ศรศิลป์ คุยแซ่บ

เลือกเรียนละทิ้งหน้าที่นางเอก เสียดายมั้ย?

มะนาว : หากเราออกไปพบประสบการณ์เรื่องการศึกษา หากเราฉลาด มีความรู้กลับมา เรื่องสวย เรื่องการแสดงมันจะกลับมาเองมากกว่า นี่แนวทางคิดนาวนะคะ เราชอบฟุตบอลเลย ไปเรียนที่อังกฤษ มันตอบโจทย์เรามาก กว่าอยู่อเมริกากับพี่ หากไปอยู่กับพี่เรามีความคิดว่าไม่อิสระ

มีความคิดว่าได้ไปและก็ไปเลย (หัวเราะ) ตอนไปขอช่องสัญญายังไม่หมด ตอนแรกกะไปเรียนภาษา 6 เดือน แต่ว่าพอไปแล้วติดใจ เราก็ขอเพิ่มอีก 6 เดือน แล้วรู้สึกอยากเรียน ป.โท ต่อ ก่อนเรียนเตรียมภาษาอีก 1 ปี เรียนจริงรวมทั้งสิ้น 3 ปี

สัญญาช่อง?

มะนาว : ในตอนที่เรากลับมาเบรก เค้าจะถามว่ารับละครมั้ย เราเกรงใจผู้ใหญ่ เวลาเค้าถามมา เราไม่เล่นๆ ปฏิเสธอย่างเดียว คิดว่ามันมิได้แล้ว ก็เคลียร์กับเค้าก่อน เลยว่าหนูจะตั้งใจเรียน ยังไม่เล่นละคร

แม่ก็ถามเค้าเคยเห็น ดาราหลายๆคนไปเรียนต่างประเทศ และก็หายไปเลย อันนี้เค้ากลัวมาก นาวบอกว่ายังโชคดี มีโซเชียลมีเดีย ยังอัปเดตชีวิตได้ให้อยู่ในสายตาประชาชน เลยบอกแม่ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ว่าถ้าหลุดจริง เราจะกลับเข้าไปอยู่สังกัดนั้นมันก็ยาก แต่เราก็ต้องแลกว่า จะเอาแบบไหนอะไรดี เราบางทีอาจสุดโต่งไปหน่อย

ยกเลิกสัญญามั้ย?

มะนาว : คุยกับทางช่อง ทางผู้จัดการ บอกเค้าว่าเราเกรงใจ ขอตรงกลางแล้วกัน ขอออกมาเรียน เค้าเข้าใจว่าเราเรียนหนักจริงๆ เราก็ขอยุติสัญญา

มีข่าวขอฉีกสัญญาไปเรียน จะไม่กลับมา เพราะว่าใจแตก?

มะนาว : อาจจะความใจแตกแหละ มันได้เห็นโลกกว้าง มีความคิดว่าใจฉันไปแล้ว เราเอ็นจอยกับโลก มีความรู้สึกว่ามันสนุก เราได้ทำในสิ่ง ที่ไม่เคยทำมาก่อน มันมีบอลให้ดูด้วย ซึ่งเราชอบมาก

ก่อนไปเรียนเมืองนอกชีวิตเป็นยังไง?

มะนาว : เป็นเด็กธรรมดาคนนึง ที่อยู่ต่างจังหวัด ที่บ้านทำโรงเรียนเอง เราก็ค่อนข้างจะห้าว อยู่สุพรรณฯ มาโดยตลอดกระทั่งเข้าวงการ

อยู่โรงเรียนหญิงล้วนมีคนมาชอบ?

มะนาว : ก็จะต้องมีบ้าง ด้วยเราเป็นนักกีฬาโรงเรียน ก็จะมีสาวๆ เข้ามาหาบ้าง เราไม่ชอบการจู่โจม คิดว่าอันตราย ก็มีบางคนที่มาชอบเรา ก็ชอบเค้านิดหนึ่ง

สถานะหัวใจปัจจุบันนี้?

มะนาว : ไม่มีแฟนค่ะ โสดมาสักพักแล้ว มันมีคนเข้ามาหาบ้าง แต่ว่าเรามีความรู้สึกว่ายังสนุก กับการใช้ชีวิตโสด เราเคยมีแฟนมาไม่เคยโสด พอกลับมาโสด เราจะทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องคอยรายงานใคร ไม่คาดหวังอะไรมาก

คนที่มาจีบก็มีแต่ มันมิได้ชัดเจน เนื่องจากใจเราไม่เปิด เราโฟกัสชีวิตว่า จะต้องมีความพร้อมอะไรก่อนบ้าง ถ้าเราไม่มั่นคงหาเงินไม่ได้ แล้วใครจะดูแลเรา

 

มะนาว ศรศิลป์ และ

มะนาว ศรศิลป์ เข็ดกับความรักครั้งเก่า?

มะนาว : อาจจะใช่ ไม่ต้องการเจ็บ คบกันนานมากตั้งแต่เด็ก ช่วงที่เราไปเรียน ตอนนั้นคือถอยหลังกันแล้ว ต่างคนต่างออกไปตามความฝันของตนเอง ถอยกันมาคนละก้าวเพื่อดูว่า คนนี้ใช่หรือไม่อย่างไรต่อ

มียื้อมั้ย?

มะนาว : มันก็มี ยื้อจนให้ถึงที่สุด ยื้อไปแล้วเราเป็นคนเจ็บเองหรือเปล่า แต่ในตอนนี้บางทีก็หางานให้เค้าบ้าง

12 ปีเสียดายมั้ย?

มะนาว : เสียดายค่ะ แต่ว่าหากมันไม่ใช่ มันจะเสียดายมากกว่า มันยังมีชีวิตที่อีกไกลเลย ยังมีคนลุ้นให้กลับมา อนาคตยังตอบไม่ได้เลย ต่างคนได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ต่างคนต่างมีข้อดีข้อเสีย ก็เรียนรู้ร่วมกันมาตลอด

ทั้งชีวิตมีแฟนแค่คนเดียว?

มะนาว : ใช่ค่ะ แฟนคนเดียว

ต้องการมีลูกแบบอุ้มบุญ?

มะนาว : เราคุยกับที่บ้านถ้าหากวันนึง เราไม่มีสามี ไม่มีครอบครัว แล้วพี่สาวเรามีลูกไม่ได้ พี่สาวเป็น LGBTQ เราเลยคิดว่าท้องให้หน่อยสิ ให้พี่สาวท้องให้ เรากลัวการคลอดลูก กลัวเจ็บ ทีแรกเค้าอิดออด แต่พอมานั่งคุย กับที่บ้านเค้าโอเค แต่ทำแฝดไปเลย แล้วแบ่งกัน ซึ่งแฟนพี่เค้าก็ยอมด้วย โลกมันน่ากลัวหลายสิ่ง ซึ่งเราก็ยังไม่พร้อมตั้งครรภ์ แต่หากมีแฟนที่เข้ากันได้ เราก็อาจจะท้องก็ได้

แล้วใครจะเป็นเจ้าของน้ำเชื้อ?

มะนาว : เราจะหาเชื้อฝรั่งไปเลย มันจะมีแล็บที่เราสามารถเลือกยีนได้ ซื้อได้ เราเลือกได้ อาชีพอะไร เราเลือกได้ เค้าคัดยีนมาให้

ถ้าเกิดโสดตลอดชีวิต?

มะนาว : รับได้ เราคิดว่าเราสนุก ตัวคนเดียวก็สบายดี ไม่ต้องมีภาระอะไรมากมาย หาเงินก็ให้ครอบครัวที่บ้าน ปรนเปรอตนเอง

ยังมูฟออนจากรักครั้งเดิมมิได้?

มะนาว : มันเคยมีความคิดนั้น มันก็ใช่ เราบางทีอาจยังมูฟออนจริงๆ เลยไม่ได้ การที่เราอยู่คนเดียว ขอสมาธิกับตัวโฟกัสกับตนเอง มีช่วงนึงที่เรากลับมาคุยกัน ที่คุณพ่อเค้าเสีย ฟีลมันก็มา แต่ว่าเราถอยหลังกลับมาคุยกับตัวเองว่า จะเอายังไงดี เดี๋ยวนี้ต้องการให้ตนเองมีความมั่นคง ทำในสิ่งที่ต้องการทำ เราพัฒนารวมทั้งฝึกฝนอยู่เรื่อยๆ เกี่ยวกับอสังหาฯ

งานในวงการ?

มะนาว : ในเวลานี้เริ่มกลับมาแล้ว มีหลายคนที่จีบ แต่ว่าเรายังไม่ได้แก่ขนาดนั้น เรายังมีความสามารถ มาเล่นละครเหอะ เล่นหนังอะไรแบบนั้น ในตอนนี้อยากทำเป็นพิธีกรรายการกีฬา

มายด์ อาทิตยา บทนางเอก

มายด์-อาทิตยา ทำการบ้านหนัก กับบทนางเอกครั้งแรกในชีวิต ใน นางนาค สะใภ้พระโขนง

มายด์ อาทิตยา เป็นสาวสวยมากความสามารถ ที่แฟนคลับ รู้จักกันดีในชื่อ 4EVE ที่ทั้งยังการร้อง เต้น เล่น แสดง ทำได้ครบทุกหมด ทุกบทบาท สำหรับ มายด์ อาทิตยา ตรีบุดารักษ์ (มายด์ 4EVE) ที่ปัจจุบัน ได้ขึ้นแท่นเป็นนางเอก ครั้งแรกในชีวิต กับละคร วัยรุ่น พีเรียด โรแมนติก ดราม่า & คอมเมดี้ “นางนาค สะใภ้พระโขนง” ที่ผลิตโดย ช่องเวิร์คพอยท์ 23

มายด์ อาทิตยา ทำการบ้านหนัก

เมื่อได้โอกาสได้รับบทนี้ สาวมายด์ เปิดใจว่า

“เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ได้รับบทนางเอกเลยค่ะ ยากกว่าที่คิดไว้ทุกอย่าง แต่ มายด์ ตั้งอกตั้งใจมาก แล้วก็ทำการบ้านหนักมากเหมือนกันค่ะ สำหรับละครเรื่องนี้ มายด์ ตั้งแต่ไปพบประวัติของย่านาค เพื่อเรียนรู้ถึงความเป็นมา

เพื่อให้ขณะที่เราแสดง ทุกวินาทีที่เล่นจะได้ออกมา ดูสมจริงที่สุด ยอดเยี่ยม ให้สมกับเป็นบทบาทสำคัญ ซึ่งก็คือบทบาทของ “นางนาค”

เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวความรัก ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตำนาน ความรักอมตะของย่านาค ให้แฟนๆได้ดูกัน แม้ว่าตัวละครในเรื่องนี้ จะตรงข้ามกับตัวจริงของ มายด์ เลย เนื่องจากมายด์

เป็นคนเสียงเล็กๆ เวลาพูดจะออกแนวห้าว จนกระทั่งผู้ฟังอาจจะมีความรู้สึกว่าเราดู เป็นคนแข็งๆ แตกต่างจากบทของ นางนาค ที่ พี่กังฟู นิติวัฒน์ ชลวณิชสิริ ผู้กำกับฯ ตั้งใจไว้ ว่าอยากที่จะให้โทนเสียงมีความละมุน นุ่มนวล น่าฟัง

ส่วนเรื่องของการแสดง ที่จะต้องใช้อินเนอร์ทางสายตา การแอ็กติ้งต่างๆ ที่ดูไม่เพียงพอ ที่พี่กังฟูกังวลว่าผู้ชมจะไม่อิน เพราะพอเราเล่นแล้ว ดูนิ่งไปนิด ก็จะต้องพยายามเพิ่มมากขึ้น ทุ่มเทเยอะขึ้น ทำการบ้านมากขึ้น กับจุดนี้ที่พี่เขาทักมาค่ะ แรกๆ ก็เครียดหนักเช่นเดียวกันนะ

มายด์ อาทิตยา ประวัติ

มีความคิดว่าเพราะเหตุใดบทเรา ถึงยากทุกซีนเลย

แล้วคือในเรื่องจะต้องเล่นกับ พี่ต๊งเหน่ง (รัดเกล้า อามระดิษ) ด้วย เพราะเราเป็นลูกสะใภ้ของเขา แล้วยังจะต้องเล่นกับ พี่เก้า (จิรายุ ละอองมณี) ที่เก่งมากๆอีก ก็เลยยิ่งจะต้องทุ่มเทให้มากๆ ให้สมกับที่พี่ๆ ไว้ใจให้เรามารับบทบาทนี้ มายด์เลยทุ่มสุดตัว กับละครเรื่องนี้มากๆค่ะ แต่ว่าคือพี่ๆทุกคนก็พยายามช่วยนะคะ ช่วยเยอะมาก ทั้งช่วยส่งอารมณ์ บิลต์ให้เราเล่นได้

ซึ่ง มายด์ ก็ต้องขอขอบคุณพี่ๆ ทุกคนมากเลยค่ะ ขอบคุณผู้ใหญ่ที่เปิดโอกาส มายด์ ในครั้งนี้ ได้มาเล่นละคร “นางนาค สะใภ้พระโขนง” แม้จะต้องเจอกับดราม่าตั้งแต่ฉากแรก แต่ว่าทุกคน ก็ให้กำลังใจตลอดค่ะ และก็สอนวิธีการแสดงให้ ในเวลาที่จะต้องเข้าฉากร่วมกัน ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่สุดจริงๆ ค่ะ ก็ขอฝากแฟนๆ ทุกคน ติดตามรับชม นางนาค สะใภ้พระโขนง กันเยอะๆนะคะ กับเวลาความสุข เวลาแฮปปี้ เวลาแฟมิลี่ 1 ทุ่มตรง ทุกวันจันทร์, อังคาร, พุธ ทางช่องเวิร์คพอยท์ 23 นะคะ

มายด์ อาทิตยา ทุกบทบาท

ประวัติ มายด์ อาทิตยา แห่งค่ายเวิร์คพอยท์ แจกวาร์ปความน่ารักน่าเอ็นดูแบบเต็มสิบ

อ่านประวัติ มายด์ สมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปมีชื่อเสียงระดับประเทศ ที่มีดีทั้งเรื่องร้อง เต้น และก็การแสดง ความสามารถล้นหลาม ที่สามารถครองใจแฟนๆได้ทั้งไทย และก็ต่างประเทศ สาวสวยลุคหวานผสมเท่ คนนี้จะมีอะไรให้ติดตามกันบ้าง ไปทำความรู้จักเธอพร้อมๆ กันได้เลย

มายด์ อาทิตยา ตรีบุดารักษ์ หรือที่ใครๆ ก็รู้จักในนามของ มายด์ เกิดเมื่อวันที่ 9 เดือนมิถุนายน 2542 เป็นหนึ่งในสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังอย่าง 4EVE ภายใต้สังกัด เอ็กซ์โอเอ็กซ์โอเอนเตอร์เทนเมนต์ แล้วก็ยังเป็นนักแสดงหน้าใหม่ ของค่ายเวิร์คพอยท์อีกด้วย

มายด์เรียนจบจากวิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ก่อนที่จะมาเป็นสมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ประดับประเทศ มายด์เคยส่งผลงานด้านการแสดง ในสายมิวสิคคัลมาก่อน โดยส่งผลงานละครเวทีกับรัชดาลัย 2 เรื่อง เป็นบัลลังก์เมฆ เดอะมิวสิคคัล 2019 และ สี่แผ่นดิน รวมถึงผลงานละครทีวีเรื่อง เกมรักเอาคืน และละครสายสืบกุ๊กกุ๊กกู๋ ตอน แห่นางแมวอลเวง

จนถึงในปี 2563 มายด์ได้เข้ามาเป็นสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปวง 4EVE ผ่านรายการเซอร์ไวเวิล 4EVE Girlgroup Star และได้เข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของ 4EVE ในตำแหน่งนักร้องนำ (vocal) และก็เป็นพี่คนโตของวง ด้วยคาแรกเตอร์ ที่มีความหวานแล้วก็เท่ในคนเดียวกัน

รวมทั้งมีความสามารถรอบด้าน ไม่ว่าจะร้อง เต้น รวมถึงทักษะด้านการแสดง ทำให้มายด์ เป็นสมาชิกระดับแนวหน้าของวง รวมทั้งมีแฟนคลับมากมาย

ปัจจุบัน มายด์ ได้ขึ้นแท่นเป็นนางเอกแห่งเวิร์คพอยท์ ในละครเรื่อง นางนาค สะใภ้พระโขนง โดย มายด์ อาทิตยา สวมบทเป็นนางนาค ประกบคู่กับพระเอกมีชื่อเสียงระดับประเทศอย่าง เก้า จิรายุ และก็ต้องประชันฝีมือการแสดงกับนักแสดง ระดับตำนานอย่าง ต๊งเหน่ง รัดเกล้า

จะมารวมภาพความน่ารักของ มายด์ สมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปวง 4EVE ให้ทุกคนได้ดูกัน สำหรับคนไหนที่อยากติดตามชีวิตและก็ไลฟ์สไตล์ของเธอ สามารถติดตามมายด์ เพิ่มเติมได้ที่ @_.tiya_

สายป่าน อภิญญา ฟ้องหมิ่นประมาท

สายป่าน อภิญญา ชนะคดี ฟ้องหมิ่นประมาท

ต่อสู้เพื่อความถูกต้องมากว่า 2 ปี วันนี้ศาลพิพากษาให้ สายป่าน อภิญญา ชนะคดี ครูสอนดำน้ำ โพสต์หมิ่นประมาทผ่านโซเชียล ทำลายชื่อเสียงและก็ธุรกิจ ฟินดำน้ำ โดยทนาย เกรียงชัย วิศิษฏ์สรอรรถ ทนายผู้ดูแลคดี พูดว่า

“หลังจากศาลมีคำสั่ง ประทับรับฟ้องจำเลยได้ ทำเรื่องขอประกันตัว และก็ให้การปฏิเสธขอต่อสู้นั้น สืบพยานเสร็จสิ้น ศาลจึงมีคำพิพากษาให้ คุณสายป่านและบริษัทของ คุณสายป่าน ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีชนะ โดย เห็นว่าจำเลยกระทำความผิดจริงตามฟ้อง และเหตุเพราะจำเลย ทำผิดครั้งแรก ก็เลยให้รอลงอาญา และก็ชำระค่าปรับตามกฎหมาย

สายป่าน อภิญญา กับทนาย

รวมถึงให้จำเลยจ่ายค่าเสียหาย แก่โจทก์ตามคำพิพากษาพร้อมดอกเบี้ย

แล้วก็ให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษา ในหนังสือพิมพ์รายวัน 3 วัน ติดกันตั้งแต่ศาลพิพากษา จำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย พร้อมทั้งให้จำเลยลบข้อความหมิ่นประมาท ตามฟ้องทั้งหมด และก็ที่เกี่ยวข้อง

ถ้าเกิดไม่ชำระค่าปรับให้ จัดการตามประมวล มาตรา 29, 30 ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียม แทนโจทก์ทั้งสอง โดยระบุค่าทนายความที่ศาล กำหนดตามคำพิพากษา ค่าขึ้นศาล ให้ใช้แทนตามจำนวนทุนทรัพย์ ที่โจทก์ชนะคดี ครับ”

ทางด้าน สายป่าน ที่ต้องลุ้นกับคดีนี้มานาน เมื่อรู้รายละเอียดก็เบาใจ และก็ดีใจ ที่ทุกๆอย่างชัดเจน “ถึงวันนี้ ก็จัดว่าโล่งใจมาก ขอฝากไว้สำหรับทุกคนนะคะ จริงๆมันเป็นเรื่องที่ไม่ควร จะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ และไม่ควรกินเวลาชีวิตมากมายขนาดนี้ ก่อนโพสต์หรือพิมพ์อะไร ควรจะคำนึงถึงผลที่จะตามมาด้วย บางทีการโพสต์ รวมทั้งพิมพ์ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่ว่าผลกระทบ ที่ตามมาต้องเสียเวลา เสียสุขภาพจิต เสียประสาทไปตามๆกัน”

“สำหรับป่าน 2 ปี ที่ผ่านมาถ้าไม่ต้องมาเจอเรื่องนี้ ป่านทำอะไรได้อีกเยอะเลย อยากที่จะให้ทุกคนใช้ชีวิต ด้วยการให้เกียรติซึ่งกันและกัน เคารพกัน ผิดว่าตามผิด ถูกว่าตามถูก วันนี้ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างชัดเจนแล้ว ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจ ให้กันมาตลอด ทั้งจากครอบครัว เพื่อน พี่น้อง แฟนๆ ลูกค้า นักเรียน ขอบคุณประสบการณ์คราวนี้ ขอบคุณ พี่ทนายตั้ม และขบวนการยุติธรรมของไทย ขอบคุณจริงๆค่ะ”

สายป่าน อภิญญา เที่ยวทะเล

สายป่าน โพสต์นี้อย่างโดน ช่างหัวมัน ใครจะว่าเราดำก็ช่างเถอะ

ถึงแม้จะเป็นการออกมา ฟาดเบา ๆ แต่ว่าก็ชัดเจน ตรงประเด็นเวอร์! สำหรับ สายป่าน-อภิญญา สกุลเจริญสุข นางเอกซุปตาร์ วัย 32 ปี เมื่อเจ้าตัว ได้ใช้พื้นที่บนอินสตาแกรม @apinnya โพสต์ภาพถ่ายขณะเดินเที่ยว รับลมทะเลริมหาด พร้อมด้วยอวดสรีระเป๊ะเวอร์ ในชุดว่ายน้ำวันพีซ สีม่วงสดใส ยากจะละสายตา

แต่ความพีค กลับไม่ได้หมดอยู่แค่นั้น เนื่องจากว่าแคปชั่นที่ สายป่าน ได้เขียนแนบมา ยังเป็นการกล่าวถึงสีผิวของเธอ ส่งตรงไปถึงคนอีกจำนวนไม่น้อย ที่อาจจะมีคำถาม หรือเคยวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ ในประมาณว่า “ใครว่าเราดำช่างหัวมันปะไร โทษทีพี่ไม่ดำ พี่เลยจุดดำมาม่วงจ่ะ”

โดยภายหลังที่โพสต์นี้ ถูกแชร์ออกไปได้ไม่นาน ก็มีแฟน ๆ เข้ามาร่วมแสดงความเห็น อย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็น สวยมากกกๆๆ, สีของคนรักทะเล ไปจนกระทั่งสัญลักษณ์อีโมจิรูปหัวใจ รวมทั้งอีกมากมาย รวมทั้งยังร่วมกดไลก์ เป็นกำลังใจ ให้กับนางเอกคนโปรดด้วย

สายป่าน อภิญญา ประวัติ

ประวัติ สายป่าน อภิญญา สกุลเจริญสุข

สายป่าน อภิญญา สกุลเจริญสุข นักแสดงหญิงชาวไทย เกิดวันที่ 27 พ.ค. พ.ศ. 2533 เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง จากการรับงานโฆษณา แรกเริ่มพ่อรวมทั้งแม่ตั้งชื่อเล่นว่า “สายป่าน” แต่ว่าเห็นว่ายาวไปเลย เรียกชื่อเล่นว่า “ป่าน” เฉยๆ เธอได้เข้ามาเป็นหนึ่ง ในพิธีกรรุ่นที่ 1 รายการ สตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก แต่ว่าชื่อเล่นไปซ้ำกับ ป่าน สิริมา ไชยปรีชาวิทย์ เธอก็เลยกลับมา เรียกตัวเองว่า “สายป่าน” ต่อมาเธอเริ่มมีชื่อเสียง แล้วก็ได้รับความสนใจ จากโฆษณาตัวหนึ่ง ที่ฉายในโรงหนัง กระทั่งสายป่านได้มา แสดงนำในภาพยนตร์ครั้งแรก เรื่อง พลอย ทำให้เธอมีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้น จากการแสดงในคราวนั้น ทำให้สายป่านได้มีชื่อเข้าชิงรางวัล Best Supporting Actress ในเวที เอเชียนฟิล์มอวอร์ดส 2008 ถัดมาสายป่านก็ได้ ส่งผลงานแสดงอย่างต่อเนื่อง ดังเช่นว่า ภาพยนตร์เรื่อง สี่แพร่ง , เฟรนด์ชิพ , เธอกับฉัน , บุญชู 9 แล้วก็ละครโทรทัศน์เรื่อง ส้มหวานน้ำตาลเปรี้ยว ฯลฯ

ด้านครอบครัว

สายป่าน เป็นบุตรสาวคนโตของนายวิเชียร และนางเพ็ญแข สกุลเจริญสุข โดยสายป่าน มีน้องสาวอยู่หนึ่งคนชื่อ ผ้าแพร จริยา สกุลเจริญสุข ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 สายป่านได้เข้าพิธีสมรส กับนักแสดงหนุ่ม วุฒิ นันทวุฒิ บุญรับทรัพย์

ด้านการศึกษา

สายป่าน จบการศึกษาระดับอนุบาล-ประถมศึกษาจากโรงเรียนชินวร ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า สายป่านเข้าศึกษาระดับมัธยมปลาย ที่โรงเรียนเซนต์เทเรซา แต่เธอได้ดร็อปเรียนเมื่อเธอศึกษาอยู่ชั้นม.4 และได้เข้าศึกษาและจบการศึกษาระดับมัธยมปลาจากโรงเรียน IBS3 (Interkids Bilingual School) จบการศึกษาระดับปริญาตรีจากคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ มหาวิทยาลัยรังสิต โดยสายป่านได้รับเกียรตินิยมอันดับ 2 ด้วยเกรดเฉลี่ยสะสม 3.27

วิทนีย์ ฮุสตัน รีวิวหนัง

รีวิวหนัง "I Wanna Dance with Somebody" เรนจ์เสียงทรงพลัง แต่ยังไม่ถึงระดับมหัศจรรย์

ถึงคิวของอีกหนึ่ง ดีว่าในตำนานที่ใคร ๆ ก็ยกให้เธอผู้เป็น “แม่” สุดยอดนักร้องเสียงทรงพลังแห่งยุค กับชีวิตที่พุ่งขึ้นสูงสุด และก็ดิ่งลงต่ำสุด ในช่วงเวลาแห่งความดัง นี่เป็น “I Wanna Dance with Somebody ชีวิตมหัศจรรย์…วิทนีย์ ฮุสตัน”

ตีแผ่ชีวประวัติของนักร้องหญิง “วิทนีย์ ฮุสตัน” เจ้าของเพลงดังอมตะ ติดหูมากมาย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งชีวิต ของตำนานคนเพลง ที่ถูกนำมาขึ้นจอ ท่ามกลางยุค ที่หนังแนว ๆ ทยอยสร้างมาเรื่อยว่าแต่เรื่องนี้ จะยังสร้างเสน่ห์รวมทั้งมนต์ขลัง ได้หรือไม่?

วิทนีย์ ฮุสตัน นักร้อง

เพียงผู้เดียวบนโลกใบนี้ ที่ได้รับฉายาว่า The Voice เธอคนนั้นเป็น วิทนีย์ ฮุสตัน

คนที่คนไม่ใช่น้อยสามารถเรียก ได้อย่างเต็มปากว่าเธอเป็น ราชินีสุดยิ่งใหญ่แห่งแวดวงเพลง จากการสร้างสถิติสำหรับการกวาดรางวัล บนเวทีประกาศรางวัลของแวดวงนี้เยอะมาก และก็นี่คือเส้นทางแห่งห้วงชีวิต อันแสนมีเวลาจำกัด ของเธอผู้นี้ ทั้งสุข ทั้งทุกข์ ทั้งหลากหลายอารมณ์ กับเส้นทางในวงการเพลง จากนักร้องเพลงประสานเสียง ในโบสถ์เล็ก ๆ มาเป็นซูเปอร์สตาร์ดาว จรัสระดับโลก ที่มีเสียงอันทรงพลัง ที่โลกจำไม่ลืมเลือน

คงจะต้องร้อยเรียงกัน แบบไม่อ้อมค้อมว่า I Wanna Dance with Somebody เป็นหนังชีวประวัตินักร้องชื่อดังเรื่องหนึ่ง ที่น่าเสียดายไปสักหน่อย ตรงที่หนังแทบไม่มีอะไร ให้น่าจดจำสักเท่าไหร่เลย ในหลายแง่และหลายองค์ประกอบที่ใส่เข้ามา “คาซี เลมมอนส์” ผู้กำกับหญิง ที่เคยสร้างภาพยนตร์เข้าชิงออสการ์มาแล้ว จาก Harriet มารับหน้าที่ดูแลงานสร้าง ที่เหมือนงานจะค่อนข้างใหญ่ และก็กดดันเกินไปสักนิด ทำให้การลำเลียงชีวิต ของดีวาหญิงผู้นี้ ออกมาเป็นหนังแล้วนั้น ยังมีรสสัมผัส ที่ไม่จัดจ้านเท่าไร

วิทนีย์ ฮุสตัน ทรงพลัง

ต่อให้ได้มือเขียนบทตัวท็อป อย่าง “แอนโทนี แม็คคาร์เทน” มาปลุกปั้นเรื่องราว ของหนังเรื่องนี้ ให้แล้วก็ตาม แต่ว่าไม่สามารถนำเอาไป เปรียบเทียบกับงานเขียนชิ้นก่อนของเขา อย่าง Bohemian Rhapsody ได้เลยสักนิด ระหว่างที่นั่งดู ก็ได้คิดสงสัยว่าเพราะเหตุใด

เสน่ห์ที่มันน่ากลมกล่อม แบบที่เคยทำให้นั้น มันหลบไปอยู่ที่ไหน ทั้งๆที่ทางชีวิตของวิทนีย์ ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย มีแง่มุมต่าง ๆ ให้ได้เปิดเผยและก็วาดภาพออกมา ได้อย่างทรงพลังไม่ยาก

จนมานั่งวิเคราะห์ลึก ๆ ก็พบว่า I Wanna Dance with Somebody ค่อนข้างที่จะเลือกเสนอชีวิต ของวิทนีย์ในลักษณะ แค่ระดับผิวเผินพอประมาณอยู่ในหลาย ๆ จุด นั่นจึงเป็นจุด ทำให้บทหนัง ยังไม่อาจจะประคับประคองเอาไว้ได้

เหมือนกำลังหนังดูหนังชีวประวัติ ที่สร้างง่ายๆ เป็นหนังฉายบนทีวีเรื่องหนึ่ง ที่หลายส่วนประกอบยังไม่มิติ และยังไม่มีจุดสัมผัส ที่สื่อสารได้ถึงผู้ชม ได้อย่างเต็ม ๆ แม้ว่าจะขนโชว์เพลงที่ได้รับความนิยม มาใส่เอาไว้มากมาย กลับยังไม่ค่อยลื่นไหล และก็ซาบซึ้งใจเท่าไรนัก

วิทนีย์เพลง

I Wanna Dance with Somebody คล้ายกับเป็นหนังที่ย่อ ชีวิตวิทนีย์แบบง่าย ๆ

เก็บตกโมเมนท์สำคัญๆ ในไลฟ์ไทม์ของเธอ ถือเอาไลฟ์โชว์เด่น ๆ ที่เคยประทับใจเอามาสร้างซ้ำทับลงไปในนั้น ไล่เรียงเล่าเรื่องเป็นช็อตต่อช็อต โดยที่ไม่ค่อยมีกิมมิก และลูกเล่นอะไรสักเท่าไหร่ งานสร้างก็จัดได้ว่า ดีตามมาตรฐาน ในส่วนนี้ค่อนข้างจะเพลย์เซฟ ไปสักหน่อย โดยเฉพาะอย่างเรื่องโชว์ และเพลงประกอบ ที่หนังเลือกที่จะเอาเสียงเพลง ต้นฉบับมาแปะ ทับเอาไว้ตลอดทั้งเรื่อง

ซึ่งก็ไม่ได้พูดว่าการใช้ลูกเล่นนี้ไม่ดี เพียงแต่ว่า พองานสร้างทำได้ ไม่ถึงจุดนั้น ภาพรวมที่ออกมากลายเป็นอย่างกับตอกย้ำ การแสดงที่สวมบทบาท แบบปลอมๆ เยอะขึ้น ผู้แสดงนำฝ่ายเป็นขยับปากร้อง ลิปซิงตามเสียงต้นฉบับ แม้อินเนอร์จะได้ แต่ฟีลลิ่งต่าง ๆ ยังมิได้ และไม่ค่อยเชื่อมต่อ กับคนดูได้ดีสักเท่าไหร่ นั่นจึงเป็นจุด ที่ไฮไลต์เด่นของหนังเรื่องนี้ ควรจะทำงานตรงนี้ได้ดีที่สุด กลับยังไม่ประสบความสำเร็จได้สักเท่าไหร่

รวมทั้งมันก็ส่งต่อภาพรวม ขององค์ประกอบการแสดงอีกด้วย จะต้องชื่นชมเลยว่า “เนโอมิ แอ็คกี” แบกรับบทหนักทั้งเรื่องนี้ เอาไว้ได้ดีมาก ๆ เธอคือตัวชูโรงเพียงคนเดียวที่ยืนหนึ่ง

แต่ว่าเพราะว่าส่วนผสมที่ยังขาด ๆ เกิน ๆ ของหนังนั้น กลับไม่ช่วยส่งเสริม พลังการแสดงของเธอ ได้สักเท่าไหร่นัก ในตอนครึ่งแรกเป็นช่วง ที่ถ่ายทอดออกมาได้ค่อนข้างน่าหลงใหล แต่ในช่วงครึ่งหลัง ที่เป็นห้วงของดราม่าจัด ๆ กลับไม่สามารถแตะไปถึงจุด ที่สร้างความทรงพลังได้

เหมือนกันกับ นักแสดงสมทบคนอื่นทั้ง “สแตนลี ทุชชี”, “ทามารา ทูนี”, “คลาร์ก ปีเตอร์ส” หรือ “แอชตัน แซนเดอร์ส” เหมือนมาเป็นตัวละคร สมทบให้ครบ ๆ แค่นั้น หนังลืมที่จะให้ความสำคัญ และใส่ใจในรายละเอียด ของพวกเขาไม่สักหน่อย

หยิบเอามาใส่เนื่องจากจะต้องมีเท่านั้น โดยเฉพาะบทของสแตนลี ที่เอาจริง ๆ หากได้รับการใส่ใจมากกว่านี้ บทบาทของเขาคงจะทรงพลังได้มากกว่านี้ ดีไม่ดีความเป็นมืออาชีพของเขา ก็ดันให้ไปถึงระดับรางวัลด้วยซ้ำ

โดยสรุปแล้วนั้น I Wanna Dance with Somebody บางทีอาจยังมิได้ เป็นหนังที่สมบูรณ์แบบ แล้วก็ยอดเยี่ยม แต่ว่ามันก็ไม่ได้ เป็นหนังที่แย่ เพียงแต่หลาย ๆ องค์ประกอบของหนังเรื่องนี้นั้น ยังค่อนข้างไม่มีเสน่ห์ ที่จะต้องมีไปสักหน่อย

การเล่าเรื่องที่ยังจืดชืดไปนิด แม้ว่าจะมีเวลาแอร์ไทม์ถึง 2 ชั่วโมงกว่า ๆ คงจะพอเพียงแล้ว แต่ยังทำออกมา ได้แบบยังไม่มหัศจรรย์ สักเท่าไหร่ การแตะต้อง เรื่องราวชีวิตของดีวาแบบผิวเผิน เป็นจุดที่ขาด การเชื่อมต่อกับผู้ชมไป แม้นักแสดงจะทำดี เยอะแค่ไหน แต่ว่าเรื่องไม่ไปทางเดียวกันด้วย ก็ยังไม่น่าอัศจรรย์อยู่ดี

เจเรมี เรนเนอร์ กระดูกหัก

เจเรมี เรนเนอร์ เผยกระดูกหักกว่า 30 แห่ง หลังโดนรถไถหิมะทับขา เจ็บโคม่า

เจเรมี เรนเนอร์ ดาราฮอลลีวูดคนดัง เปิดเผยกระดูกหักกว่า 30 แห่ง หลังโดนรถไถหิมะทับรับปีใหม่ จนกระทั่งบาดเจ็บอย่างรุนแรง พร้อมกับขอบคุณทุก ๆ คนที่คอยสนับสนุน ช่วยเหลือ จนอาการโดยรวมดีขึ้น

ความคืบหน้ากรณี เจเรมี เรนเนอร์ พระเอกคนดังของฮอลลีวูด วัย 52 ปี เกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิด ตอนที่ขับรถไถหิมะในตอนปีใหม่ จนได้รับบาดเจ็บหนักมาก รวมทั้งถูกนำตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ส่งโรงยาบาลศูนย์การแพทย์ภูมิภาครีนาวน์ หรือ Renown Regional Medical Center ในเมืองเรโน รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างเร่งด่วน ในช่วงวันปีใหม่ จนทำให้เพื่อน ๆ ในแวดวงภาพยนตร์และแฟนคลับ ภาพยนตร์ที่รู้ข่าวพากันห่วงใยอย่างยิ่งนั้น

เจเรมี เรนเนอร์ หลังประสบเหตุ

เมื่อ 21 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา เจเรมี เรนเนอร์ ได้โพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดีย

เล่าถึงอุบัติเหตุคราวนี้ว่า ทำให้เขากระดูกหักถึงกว่า 30 ที่ และก็จะต้องเข้ารับการรักษา ในห้องไอซียูถึง 2 อาทิตย์ กว่าจะสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ รวมทั้งในตอนนี้อาการโดยรวมของเขาดีขึ้นแล้ว

เรนเนอร์ ดาราคนมีชื่อเสียงฮอลลีวูด เจ้าของบท Hawkeye (ฮอว์กอาย) แห่งจักรวาลมาร์เวลได้เขียนข้อความ ขอบคุณผ่านทางทวิตเตอร์และก็อินสตาแกรม พร้อมด้วยแชร์รูป ขณะเขานอนอยู่บนเตียง ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ภายหลังเรนเนอร์เกิดอุบัติเหตุ จนได้รับบาดเจ็บที่หน้าอก รวมทั้งกระดูกต่าง ๆ หลังจากเขาได้ขับรถไถหิมะ ไปช่วยสมาชิกในครอบครัว ที่รถเกิดติดหิมะ อยู่บนถนนใกล้บ้านพักของเขา ในรัฐเนวาดา และต่อมาเรนเนอร์ ได้เกิดอุบัติเหตุโดนรถไถหิมะทับขา

กระดูกที่หักกว่า 30 แห่งจะได้รับการเยียวยา, แข็งแกร่งขึ้น ราวกับเดียวกับความรัก รวมทั้งสายสัมพันธ์ของครอบครัว แล้วก็เพื่อน ๆ ที่ลึกซึ้ง เรนเนอร์ เขียนข้อความ ลงในทวิตเตอร์และไอจี พร้อมกับขอบคุณทุก ๆ คนที่คอยสนับสนุน และส่งกำลังใจ

ดังนี้ เรนเนอร์ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงในคราวนี้ ภายหลังพายุฤดูหนาวถล่มสหรัฐฯ เป็นเหตุให้มีคนเสียชีวิตหลายสิบราย แล้วก็ทำให้เกิดหิมะตกหนัก ในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา ในตอนปีใหม่ โดยเรนเนอร์ได้ได้รับอุบัติเหตุจากการขับรถไถหิมะ ไปช่วยสมาชิกคนหนึ่ง ในครอบครัว ซึ่งขับรถยนต์ของเขา แต่รถเกิดไปติดหิมะ บนถนนใกล้บ้านพัก ในรัฐเนวาดา

จากการเปิดเผยของนายอำเภอดาริน แบแลม ประจำวาชูเคาน์ตี บอกว่า เรนเนอร์สามารถขับรถ ไถตักหิมะออกจากบริเวณ ที่รถยนต์ติดอยู่ได้สำเร็จ แต่เมื่อเขาลงจากรถไถหิมะ คันดังกล่าว ปรากฏว่ารถไถหิมะ ได้เคลื่อนในตอนที่บนรถ ไม่มีใครคอยควบคุม วินาทีนั้นเรนเนอร์พยายาม จะกลับขึ้นไปบนรถไถหิมะ ให้ได้เพื่อหยุดรถ แต่ว่าไม่สำเร็จ รถไถขนาดใหญ่ได้ทับขา จนได้รับบาดเจ็บสาหัส

มีกล่าวว่า ภายหลังจากเรนเนอร์ ดาราฮอลลีวูดคนดัง ได้รับการรักษา ที่ห้องไอซียูของศูนย์การแพทย์รีนาวน์ ได้ประมาณ 2 อาทิตย์แล้ว การบาดเจ็บของเขาดียิ่งขึ้น แล้วก็สามารถกลับไปพักฟื้น ที่บ้านได้ ซึ่งเรนเนอร์ได้ขอบคุณแพทย์ แล้วก็บุคลากรการแพทย์ ทุกคนที่ช่วยเหลือเขาไว้

ตำรวจเชื่อ เหตุดารา เจเรมี เรนเนอร์ถูกรถทับ-เจ็บหนัก เป็นอุบัติเหตุ

สำนักงานตำรวจท้องถิ่นในเมืองเนวาดา แถลงในวันอังคารว่า เหตุดาราดัง เจเรมี เรนเนอร์เจ็บหนักจาก การถูกรถเเทรคเตอร์ สำหรับเคลื่อนบนหิมะเข้าชนใกล้ย่าน ตากอากาศเลคทาโฮ ช่วงวันที่ 31 เดือนธันวาคม เป็นอุบัติเหตุ

ดาริน บาลาม หัวหน้าสำนักงานเชอริฟฟ์เขตวาสโฮ กล่าวว่า เรนเนอร์ ที่สร้างชื่อจากภาพยนต์หลายเรื่อง โดยเฉพาะหนังซูเปอร์ฮีโร “ดิ อเวนเจอร์ส” ได้รับบาดเจ็บหนักจากการถูก เเล่นทับโดยรถเเทรคเตอร์ของตน หลังจากที่ใช้รถดังกล่าวดึงรถยนต์อีกคันหนึ่ง ออกจากหล่มหิมะหนา 3 ฟุต

ตำรวจกล่าวว่า คนขับรถที่ได้รับการช่วยเหลือเป็นคนภายในครอบครัวของเรนเนอร์ บาลามกล่าวว่า การสืบสวนยังคงดำเนินต่อไป แต่ว่าไม่มีสิ่งที่ทำให้สงสัยว่า เป็นเหตุการณ์ที่มีเบื้องหลังไม่ชอบมาพากล

เขาบอกว่า ภายหลังดึงรถยนต์ที่ติดหิมะออกมาได้เเล้ว เรนเนอร์ลงจากเเทรคเตอร์ของเขา มาคุยกับญาติคนหนึ่ง ตอนนั้นแทรคเตอร์เริ่มไถล เรนเนอร์จึงปีนขึ้น เเทรคเตอร์เพื่อควบคุมรถ แต่เขาถูกทับซะก่อน

ในเวลานี้เรนเนอร์ วัย 51 ปี ซึ่งได้รับบาดเจ็บที่อกและก็กระดูก อยู่ในอาการ “วิกฤตแต่ทรงตัว” ตามรายงานของเอพี

ในวันอังคารเช่นกัน เรนเนอร์โพสต์ภาพตนเอง จากเตียงโรงพยาบาลลงอินสตาเเกรม พร้อมเขียนว่า “ขอบคุณทุกถ้อยคำดีๆ…ผมอยู่ในสภาพหนักกว่าจะพิมพ์ได้ แต่ว่าผมขอส่งความรักไปให้ทุกคน”

เจเรมี เรนเนอร์ พระเอก

ช็อก “เจเรมี เรนเนอร์” บาดเจ็บอย่างหนัก ประสบอุบัติเหตุขับรถไถหิมะ

เป็นพระเอกฮอลลีวู้ดสายบู๊ ที่ชาวไทยคุ้นหน้าคุ้นตากันดีสำหรับ “เจเรมีเรนเนอร์” ปัจจุบัน ทำแฟนคลับช็อก เพราะเขาประสบอุบัติเหตุตอนที่กำลังขับรถไถหิมะวันปีใหม่

ทำเอาแฟนคลับ ช็อกไปตาม ๆ กันเมื่อ “เจเรมีเรนเนอร์” พระเอกฮอลลีวู้ดนักบู๊ เกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิด ขณะเขากำลังขับรถไถหิมะวันปีใหม่ โดยตัวแทนของเขา เผยอาการล่าสุด ของพระเอกว่า อยู่ในขั้นวิกฤติ แต่ว่าทรงตัว

ตัวแทนของพระเอกสายบู๊ชื่อดัง “เจเรมีเรนเนอร์” วัย 51 ปี ประกาศว่า ปัจจุบันพระเอกได้ได้รับอุบัติเหตุตอนที่กำลังขับรถไถหิมะ ซึ่งเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ได้มีการนำตัวเขาบินด่วน เพื่อไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลโดยทันที

ส่วนอาการของเจเรมีในตอนนี้บาดเจ็บหนักมาก แต่ว่าอาการยังทรงตัว ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ เรียกได้ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเจเรมี เป็นความซวยรับวันปีใหม่ เนื่องจากว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้น ตรงกับตอนปีใหม่พอดิบพอดี

แถมอีกไม่กี่วัน ก็ใกล้จะถึงวันเกิดของพระเอกนักบู๊ คนนี้แล้วด้วย ที่เขาจะมีอายุครบ 52 ปีในวันที่ 7 ม.ค. ที่จะถึงนี้ เจเรมี ลี เรนเนอร์ (Jeremy Lee Renner) เกิดวันที่ 7 ม.ค. ค.ศ. 1971 เป็นนักแสดงชาวอเมริกัน และก็นักดนตรี เขาเริ่มแสดงในบทสมทบในภาพยนตร์ตอนทศวรรษ 2000

เจเรมีเรนเนอร์ มีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น สำหรับการแสดงภาพยนตร์สงคราม เรื่อง The Hurt Locker ซึ่งทำให้เขา ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง รางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม เมื่อปี 2011

ในปี 2011 เจเรมีแสดงในภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Mission: Impossible – Ghost Protocol ซึ่งเจเรมี่ เรนเนอร์ สวมบทบาท วิลเลียม แบรนท์ นักวิเคราะห์ และก็ เป็นทีมเดียวกับพระเอกทอมครูส

ในต้นปี ค.ศ. 2012 เจเรมีเรนเนอร์ สวมบทบาทเป็นมือธนู ของหน่วยชิลด์จาก ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ The Avengers ในบทบาท เจ้าหน้าที่คลินท์ บาร์ตัน หรือ Hawkeye และตามมาติด ๆ กับ The Bourne Legacy และ Hansel and Gretel: Witch Hunters

 

แนท อนิพรณ์ นางงาม

ชีวิตต้องสู้ "แนท อนิพรณ์" อดีตเคยใช้เงินวันละ 5 บาท พร้อมเปิดเรื่องราวความรักที่หวานสุด

แม้เส้นทางชีวิตของ “แนท อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์” จะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบมาตั้งแต่กำเนิด ชีวิตวัยเด็กก็พูดได้ว่าจะต้องสู้ อีกทั้งทำงานบ้านพร้อมทั้งทำทุกอย่างที่ได้เงินมา จนกระทั่งเข้ามาเรียนต่อระดับปริญญาตรี ที่จังหวัดกรุงเทพ เจ้าตัว ยังหาเงินเพื่อส่งตัวเอง เรียนด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเธอเอง กระทั่งเมื่อเธอตัดสินใจ ตามล่าฝันในเวที มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 โดยนอกจากที่ แนทอนิพรณ์จะคว้าตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2015 แล้ว

ในเวทีเดียวกันนี้ แนท ยังสามารถคว้าตำแหน่งพิเศษ Miss Smile ที่คัดเลือกจากสาวงาม ผู้เป็นตัวแทนรอยยิ้มจริงใจ สดใส สมาร์ท ทันสมัย ก่อนจะเป็นตัวแทนเมืองไทย ไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2015 ที่สหรัฐอเมริกา แล้วก็ฉายแววโดดเด่นกระทั่งเข้ารอบ 10 คนสุดท้ายของการประกวด รวมถึงได้รางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยม มาครอบครอง

แนท อนิพรณ์ รายการ

แนท อนิพรณ์ เมื่อได้มาเป็นแขกรับเชิญ คนพิเศษในรายการ “Club Friday Show”

ผลิตโดย CHANGE2561 “แนท อนิพรณ์” ได้เปิดเรื่องราว ในชีวิตพร้อมทั้งเปิดเผยความรัก แบบทุกซอกทุกมุมในใจ เพราะอุ่นใจที่ได้มานั่งคุย มานั่งเล่าที่นี่ เป็นที่แรกแบบหมดเปลือก ก่อนจะประสบผลสำเร็จในชีวิตของแนท ต้องรันทดใช้เงินวันละ 5 บาท ตอนเข้ามากรุงเทพฯใหม่ ๆ พร้อมเปิดความมั่นใจระดับล้านของตน แบบไม่เผื่อใจ ที่จะไม่ได้มง แต่ว่าถ้าเกิดไม่มงจะกลับมาใหม่ ส่วนในเรื่องของหัวใจ แนท ก็เปิดแบบไม่มีกั๊กเรื่องย้อนถึง สามวันจากนารีเป็นอื่นของจริง เปลี่ยนความรู้สึกชอบผู้ชาย ได้ภายในสามวัน ฟินทะลุจอยิ่งกว่าซีรีส์! และก็เจอวิกฤตใหญ่ กระทั่งบ้านจะโดนยึด และผู้หวังดีก็เตรียมทับถม

กว่าจะมาถึงวันนี้ ชีวิตของ แนท เองก็สู้มาตลอด?

แนท : คือหนูก็ไม่รู้ว่าเราสู้ชีวิตหรือไม่ เพราะเหตุว่ามันเป็นสิ่งที่เราทำมาตั้งแต่เด็ก เช่น ปลูกผักกินเอง ออกกำลังกายเพื่อที่เราจะได้ ไม่ต้องป่วยเข้าโรงพยาบาลแล้วเสียตังค์ และก็เราใช้เงินวันละ 5 บาท เวลาที่เข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ ๆ คือ แนท มีกระปุกออมสินที่แนท เก็บไว้ที่บ้านตั้งแต่เด็ก ๆ เราก็คำนวณแล้วว่า ในกระปุกออมสินมันต้องใช้ประมาณวันละ 5 บาทไม่เกิน 7 บาท มันถึงจะอยู่ได้ ถึงหนี่งเดือน แล้วเพื่อน แนท เขาก็เอาข้าวมาแล้วก็กินน้ำกินอะไรเอา ขณะนั้นเราก็คิดเพราะอะไรชีวิตมันรันทดจังเลย?

ภาพที่ทุกคนจำได้แล้วเป็นแบบตำนานเลย คือ ชุดประจำชาติ รถตุ๊กตุ๊ก ไทยแลนด์?

แนท : ใช่ค่ะ เป็นชุดประจำชาติค่ะ (ยิ้ม)

แล้วในตอนที่เข้าประกวดมั่นใจไหมว่าจะได้?

แนท : (อย่าเกลียดหนูอีกเลย) มั่นใจมาก

แนทคลับฟรายเดย์

แล้วในความมั่นใจมหาศาลมีเผื่อใจไหม?

แนท : เอาตรง ๆ เลยนะคะ ไม่มีได้เผื่อไว้เลยค่ะ ถ้าหากหนูไม่ได้ที่หนึ่ง เราก็จะสละสิทธิ์แล้ว เราจะกลับมาใหม่เพื่อจะเอาที่หนึ่ง

ถามถึงเรื่องหัวใจกันบ้าง สามารถจีบผู้ชายเองก่อนได้ด้วย?

แนท : ใช่ค่ะ ก็เป็นเพื่อนสนิทกัน มาหลายปีเราก็จีบเขา เราก็เลยโทรหาเขาเราเป็นแฟนกันได้ไหม เขาก็พูดว่าเป็นเพื่อนมันก็ดีอยู่แล้วเปล่า แล้วอีกประมาณสามวัน เขาก็โทรศัพท์มา เขาก็พูดว่าลองคุยกันใหม่ไหม เราก็บอกเขาว่าตอนนี้เราคิดกับเขาเป็นเพื่อนแล้ว และเราก็คุยกับคนใหม่ไปแล้ว (ยิ้ม)

แต่ว่า แนท ก็ไม่เคยเปิดเผยเรื่องของความรักที่ไหนเลย?

แนท : ทุกคนจะคิดว่า แนท ไม่มีแฟนเพราะแฟน แนท เป็นเด็ก เราห่างจากเขาประมาณ 3-4 ปีเลย ในขณะนั้นเขาเพิ่งอายุ 16 ปี แนท ก็ถามเขาตรง ๆ นี่เราตามตื้อพี่ทำไมเนี่ย เขาบอกเราว่าคือผมคิดว่า ในชีวิตผมอาจจะเจอผู้หญิงอีกหลายคน อาจจะดีกว่าพี่ สวยกว่าพี่ หรืออะไรก็ตาม แต่คนที่ใช่ ถ้าเกิดผมคิดว่าหากผมปล่อยพี่ไปครั้งนี้ ผมไม่มีทางได้พี่กลับคืนมาแน่ๆ ณ วันนี้ ที่ผมพบพี่แล้ว ผมขอทำเต็มที่ ผมขอจีบพี่ผมไม่อยากปล่อยพี่ไป

และก็เจอวิกฤตการณ์ใหญ่ๆ?

แนท : มันก็เหมือนมีหมายศาลมาค่ะ ว่าจะมายึดบ้าน คือเราก็ช็อคก็ร้องไห้ก่อนอันดับแรก เนื่องจากว่าตากับยายก็รู้ข่าวแล้ว เราก็บอกตายายว่าไม่ต้องเป็นห่วงนะ อยู่ในวงการมันก็ต้องมีข่าวเป็นธรรมดา ปรากฏว่าเขาเก็บเสื้อผ้า รอแบบนั่งกอดรอเลย และมีผู้หวังดีชาวบ้าน 4 ชาวบ้าน 5 เอ้า บ้านจะโดนยึดเหรอ ว่าแล้วต้องโดนยึด

ติดตามเรื่องราวการ สู้ชีวิตแบบหมดเปลือก พร้อมเรื่องราวความรักของ “แนท อนิพรณ์” ได้ในรายการ “Club Friday Show” วันเสาร์ที่ 21 ม.ค. นี้ เวลา 12.00 น. ทางช่องวัน31

 

ดาราเด็กชื่อดัง รวม

รวมดาราเด็กชื่อดัง โตมาสวยหล่อสุดปังกันทุกคน เด็กคนนั้นโตมากลายเป็นฉัน!

ดาราเด็กชื่อดัง วันเด็กแห่งชาติ 2566 เวียนมาถึง ทำให้คิดถึงเหล่าดาราเด็ก นักแสดงเด็ก ที่เคยโลดแล่นหน้าจอทีวี ฝากผลงานละคร หลายต่อหลายเรื่อง กระทั่งมีชื่อเสียง สร้างชื่อ และก็เข้าไปจับจองหัวใจ พี่ป้าน้าอาแฟนละครทั่วประเทศ ซึ่งแน่นอน ว่าไม่พลาดที่จะตกกระแส ขออินเทรนด์ในช่วงวันเด็ก ด้วยการรวบรวมส่วนหนึ่งของ ดาราเด็กมีชื่อ ที่โตเป็นหนุ่มหล่อ สาวสวย แบบดูเท่าไร ก็ไม่น่าเบื่อ แถมทางด้านความสามารถ ก็พัฒนาตามวัยอีกด้วย

ดาราเด็กชื่อดัง ยอร์ช

ดาราเด็กชื่อดัง “ยอร์ช ยงศิลป์ วงศ์พนิตนนท์”

เริ่มที่หนุ่มหล่อเบอร์แรง “ยอร์ช ยงศิลป์” ที่มีชื่อเสียงจากละครเรื่อง “ท้องเนื้อเก้า” ในบทของ “วันเฉลิม” เรียกว่าดังทะลุจอสุด ๆ ในช่วงนั้น ต่อมายอร์ชเริ่มโตเป็นหนุ่ม ฉายแววซุปตาร์ เจ้าตัวเลยขอเลือกทางเดินสายศิลปิน เลยมีโอกาสได้ไปเทรนเป็นศิลปิน ที่ประเทศเกาหลีใต้ ในนาม “Trainee A” ก่อนที่จะช่วงปลายปี 2565 ทีมดูแลคอนเทนต์ และโซเชียลมีเดียของ Trainee A ออกมาแจ้งว่า จะปิดโซเชียลมีเดียของ Trainee A ทุกช่องทาง โดยไม่ได้แจ้งถึงต้นเหตุแต่อย่างใด

ต่อจากนั้นยอร์ช ได้ออกมาโพสต์ข้อความ ทางไอจีสตอรี่ของตนเอง เพื่อแจ้งข่าวกับแฟน ๆ ว่า “เสียใจที่จะต้องมาบอกกับทุกคนว่า โปรเจ็กต์นี้ได้จบลงแล้ว และผมต้องการขอบคุณทุกคน

ที่สนับสนุนพวกเรา ขอบคุณที่นำความทรงจำที่มีค่ามากมาย มาให้พวกเรา และหลังจากนี้ไม่ว่าพวกเรา จะทำอะไรหรือไปในทิศทางไหน ก็หวังว่าทุกคนจะสนับสนุนเราเหมือนเดิมนะครับ รักทุกคนครับ” ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่า ยอร์ชจะมีผลงานอะไรให้แฟน ๆ ได้ติดตามกันบ้าง

ดาราเด็ก

“แม็ค ณัฐพัชร์ นิมจิรวัฒน์”

ต่อกันที่ “วันเฉลิม” อีกรุ่น อย่าง “แม็ค ณัฐพัชร์” ที่ฉายแววหล่อตั้งแต่แสดงเรื่อง “ท้องเนื้อเก้า” วันเวลาผ่านไป แม็คมีผลงานการแสดงอยู่เรื่อย ๆ จนกระทั่งปัจจุบัน แม็คโตเป็นหนุ่มเต็มตัว แถมดีกรีความหล่อ ยังมากขึ้น ยิ่งก่อนหน้านี้ได้โอกาสได้ไปออกรายการ “ร้องข้ามกำแพง” เรียกว่าทำแฟนคลับ ตะลึงในความน่ารัก ใจละลายกันเป็นแถว

ดาราเด็ก อันดา

“อันดา กุลฑีรา ยอดช่าง”

เป็นดาราเด็กอีกคน ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี สำหรับ “อันดา กุลฑีรา” สาวน้อยหน้าใสที่เราเห็น ในจอโทรทัศน์ตั้งแต่เด็ก ผลงานเด่น ๆ ที่ทุกคนจำได้คือละครเรื่อง “พรพรหมอลเวง” ในบทของ “น้องเมย์” นอกเหนือจากนั้นอันดา

ยังนับว่าเป็นดาราเด็กที่มีงานชุก ละครนับสิบ ๆ เรื่อง ปัจจุบันอันดาโตเป็นสาวสวยเต็มวัย แถมความงาม ให้แบบเต็มสิบไม่หัก งานนี้คุณพ่อตระเตรียมไว้หนวดรอได้เลย

ดาราเด็ก อ๊ะอาย

“อ๊ะอาย 4EVE” หรือ “กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ”

กำลังดังในนามศิลปินวง “4EVE” สำหรับสาว “อ๊ะอาย กรณิศ” ที่ยิ่งโตยิ่งสวย ส่วนความสามารถไม่ต้องกล่าวถึง ทั้งงานแสดง ร้องเพลง เต้น อ๊ะอายเอายู่หมด เนื่องจากว่าความตั้งอกตั้งใจ และการพัฒนาตัวเอง ขยันฝึกซ้อมตัวเอง

ทำให้ชื่อของอ๊ะอายในวันนี้ เข้าไปอยู่ในใจแฟนคลับ ทั้งประเทศเรียบร้อยแล้ว สำหรับอ๊ะอาย เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ในละครเรื่อง “ยมบาลเจ้าขา” ถัดมาได้โอกาส ได้ร่วมประกวดร้องเพลงหลายรายการ อาทิ เดอะเทรนเนอร์ ปั้นฝันสนั่นเวที ปี 5 และ เดอะวอยซ์ คิดส์ ไทยแลนด์ ซีซั่นที่ 2

ใยไหม

“ใยไหม ชินารดี อนุพงษ์ภิชาติ”

เพิ่งจะเผยข่าวดีไปหมาด ๆ สำหรับสาวน้อย “ใยไหม ชินารดี” ที่ได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสด สังกัดช่อง31 เรียบร้อยแล้ว ใยไหม เป็นที่รู้จักในบทบาทของ “ไข่ตุ๋น” จากละครเรื่อง “ลิขิตเสน่หา” ด้วยการแสดงที่มีเสน่ห์ รวมทั้งมีเอกลักษณ์เป็นลักยิ้ม ทำให้ใยไหมเป็นสุดที่รักของพี่ป้าน้าอาแฟนละคร แถมยิ่งปัจจุบันโตเป็นสาวแล้ว ฉายแววนางเอกสุด ๆ

ดาราเด็กดัง

“ชาร์เลท วาศิตา แฮเมเนา”

ต่อกันที่ “ชาร์เลท วาศิตา” ดาราเด็กที่ในเวลานี้โตเป็นสาวเต็มตัว แถมขึ้นแท่นนางเอก ประกบพระเอกรุ่นพี่ “ฌอห์ณ จินดาโชติ” ในละครพีเรียด “พระนคร 2410” เรียกว่าเป็นการพิสูจน์ ฝีมือการแสดงไปขั้น สำหรับ ชาร์เลท เริ่มส่งผลงานการแสดงครั้งแรก

ตั้งแต่อายุ 3 ขวบ โดยได้เล่นละครเรื่องแรกเรื่อง “วิวาห์ว้าวุ่น” และก็ได้ร่วมแสดงในละครเรื่อง “ดอกส้มสีทอง” ในบท “เรยา” (ตอนเด็ก) โดยเริ่มเป็นที่รู้จักในบทบาท “กุมาริกา” (โกลเด้นเบบี๋) ในละครเรื่อง “The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ” ปัจจุบันชาร์เลท เป็นนักแสดงสังกัดช่องวัน 31

อินเตอร์

“อินเตอร์ รุ่งรดา รุ่งลิขิตเจริญ”

ฉายแววความน่ารักสดใส ตั้งแต่เด็ก สำหรับ “อินเตอร์ รุ่งรดา” ที่เป็นซุปตาร์ตัวน้อย ส่งผลงานละครที่สร้างชื่อ อาทิเช่น เมีย 2018, อรุณา 2019, ไลลา ธิดายักษ์, ซิตคอม สุภาพบุรุษสุดซอย เป็นต้น ถึงแม้ทำงานในวงการบันเทิง แต่การเรียนอินเตอร์ก็ไม่ทิ้ง เพราะคว้าเกรด 4.00 มานอนกอด

นอกจากนี้อินเตอร์ยังเป็นผู้แทนประเทศไทย ไปเดินเฉิดฉายบนเวทีการประกวดเดินแบบระดับโลก WCOPA ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เอารางวัล นางแบบรุ่นจิ๋ว 2017 หรือ Junior Female Model WCOPA 2017 อีกทั้งเหรียญทองและโล่รางวัลอันดับ 1 อีกด้วย

น้อง

“เฟม ชวินโรจน์ ลิขิตเจริญสกุล”

โลดแล่นในวงการบันเทิง มีผลงานทั้งละคร ซิตคอม รวมทั้งภาพยนตร์ สำหรับ “เฟม ชวินโรจน์” ถึงแม้มิได้เปรี้ยงปร้างตู้มตาม เสมือนคนอื่น แต่เฟมก็มีผลงานอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่เด็กจนโต และที่สำคัญยิ่งโต ยิ่งเท่

รวมทั้งยังพิสูจน์ความสามารถตนเอง ด้วยบทต่าง ๆ อย่างซีรีส์เรื่อง “Sing Again รักอีกครั้ง” ทาง TrueID ที่เฟมสลัดลุคหนุ่มมาดแมน เล่นบท LGBTQ ซึ่งเฟมได้ออกนอกกรอบ และก็การันตีความเป็นนักแสดงคุณภาพด้วยบทนี้

ฟลุ๊ค

“ฟลุท ชินพรรธน์ กิตติชัยวรางค์กูร”

ส่งท้ายที่หนุ่มหน้าใส “ฟลุท ชินพรรธน์” ดาราเด็ก ที่เริ่มเข้าสู่แวดวงบันเทิง ตั้งแต่เขาอายุได้เพียงแค่ 2 ขวบ โดยได้ส่งผลงานโฆษณาชิ้นแรกคือ โฆษณาแป้งเด็ก ต่อมาคุณแม่มักจะพาฟลุท ตามพี่ชายไปถ่ายโฆษณาแล้วก็ละคร เลยมีคนชักชวนให้เขามาถ่ายบ้าง ทำให้พออายุได้ 4 ขวบ

ฟลุทก็ได้ส่งผลงานการแสดงละครเรื่องแรก ในฐานะนักแสดงรับเชิญในซิตคอมเรื่อง “เป็นต่อ” จากนั้น ฟลุทมีผลงานอื่น ๆ เรื่อยมา โดยเฉพาะอย่างละคร ตั้งแต่ปี 2547 จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ส่วนเรื่องความหล่อ ไม่ต้องกล่าวถึง เพราะเหตุว่าหนุ่มคนนี้เค้าฮอตมาตั้งแต่เด็กแล้ว

ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ หนัง

รีวิวหนัง "ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์" ความคมคายอาจยังไม่ถึง แต่มีดีที่งานซีจีไม่น้อยหน้าใคร

น่าจะต้องยอมรับกันแบบตรง ๆ ว่าภาพยนตร์ไทย ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เรื่องนี้ ขึ้นอยู่กับความเชื่อและก็พลังศรัทธาส่วนบุคคลแท้ ๆ แม้ว่าหน้าหนังไม่ได้มีอะไร ดึงดูดความสนใจอะไรได้มากนัก ไม่มีนักแสดงเบอร์ใหญ่ ไม่มีพลังพีอาร์ระดับเทพ

แต่ว่า “ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์” ก็กลายออกมาเป็นหนังไทย ที่เคลมว่าเป็นแอคชั่นแฟนตาซี ผสมผสานตำนานเล่าขาน ที่เหนือธรรมชาติกับความเชื่อของคนท้องถิ่น บางทีก็อาจจะฟังดู เป็นหนังแฝงการโปรโมท สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปหน่อย แต่ปรากฏว่าเนื้อในของหนังนั้น ก็ไม่ใช่แบบที่คิดไว้

ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ วัด

ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เล่าย้อนไปในสมัยโบราณ พระธุดงค์ผู้มีญาณบารมี สูงส่งรูปหนึ่งได้นำดวงจิตของเด็กชายวัย 10 ขวบ

มาพำนักไว้ที่วัดร้างบ้านฉลอง อำเภอสิชล จ.นครศรีธรรมราช โดยได้กำชับ “ให้อยู่เฝ้าสถานที่แห่งนี้ จนจะมีผู้มีบุญญาธิการมาถึง” เด็กผู้ชายผู้นั้น ก็อุทิศตนรักษาสัจจะ ที่ให้ไว้กับพระธุดงค์ตลอดมา เวลาผ่านพ้นอีกเกือบจะร้อยปี เก่ง และ เปี๊ยก สองพี่น้องเดินทางพนันชนไก่ จากพระนครสู่เมืองนครศรีธรรมราช

เก่งเอาไอ้แดงไก่ชนคู่ทุกข์คู่ยาก ไปชนกับไก่ของนักเลงเจ้าถิ่นกระทั่งแพ้พนันหมดตัว เก่งและเปี๊ยกหลบหนี และก็จะต้องไปอาศัยวัดร้างแห่งหนึ่ง เป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราว แล้วก็นี่คือจุดเริ่มที่ทั้งสอง ได้พบกับเด็กคนชายผู้นั้นในวัดร้าง เก่งเรียกเขาว่า “ไอ้ไข่” โดยที่เก่งไม่เคยเอะใจเลยว่า ไอ้ไข่ไม่ใช่เด็กธรรมดา

นักเลงเจ้าถิ่นที่เก่งไปมีเรื่องมีราว ในการพนันไก่ชนนั้น เป็นลูกชายของ ขุนสมาน ผู้กว้างขวางแห่งสิชล ขุนสมาน เองก็พยายามที่จะขุดหาสมบัติ ในวัดร้างนั้นมาเก็บรักษาไว้เอง อยู่หลายหน แต่ไม่เคยสำเร็จ เนื่องจากว่าอิทธิฤทธิ์ไอ้ไข่ ที่คอยคุ้มครอง ขับไล่ ไม่ให้พวกคนใจโฉด เข้ามาลักขโมยสมบัติร้อนถึง เสือเมือง จอมขมังเวทย์ที่รีบออกเดินทางมาถึงบ้านฉลอง

เพื่อเข้าสมทบกับขุนสมาน ตระเตรียมจัดการไอ้ไข่ขั้นเด็ดขาด ไอ้ไข่จะยืนหยัดต่อสู้ เพื่อรักษาสมบัติ ตามสัจจะที่เคยให้ไว้กับพระธุดงค์ได้หรือเปล่า? ส่วนเก่งก็เคลือบแคลงใจ|หัวใจว่าไอ้ไข่ไม่ใช่มนุษย์ มิตรภาพก็เลยเกิดรอยร้าวครั้งใหญ่ บทพิสูจน์แห่งศรัทธา และก็ปาฏิหาริย์กำลังท้าทาย ทุกตำนานที่เคยเกิดขึ้น

สำหรับหนังเรื่องนี้ เป็นฝีมือของผู้กำกับหนังไทย ที่คร่ำหวอดมาเป็นสิบปี อย่าง “ธีรธร เชาวนโยธิน” ที่มักจะถนัดงานสร้างภาพยนตร์สยองขวัญ หรือหนังที่แฝงไปด้วยแง่คิดกฎแห่งกรรม แม้ว่าผลงานของเขาที่ผ่าน ๆ มาบางทีอาจไม่เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตา รวมทั้งวงการภาพยนตร์ไทยสักเท่าไหร่ แต่การได้มาหยิบจับงานสร้างหนัง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เรื่องนี้ก็ถือได้ว่าเป็นลับคม ฝีมือของเขาได้ดีไม่น้อย ชี้ให้เห็นว่างานที่สเกลใหญ่ขึ้น เขาก็สามารถรับมือกับมันได้อยู่

ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ นักแสดง

บางทีอาจต้องบอกกันตรง ๆ ว่า ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ยังไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบ

ในทุกด้านแต่อย่างใด หนังยังเต็มไปด้วยจุดโหว่ และช่องว่างเยอะมากเต็มไปหมด การเล่าเรื่องของหนังค่อนข้างจะยวนยาน เกินจำเป็นไปสักนิด เนื่องจากว่ามัวไปเสียเวลา อยู่กับการปูเรื่องและก็เกริ่นเรื่องในช่วงครึ่งแรกเป็นชั่วโมง แต่ว่าพอสามารถจับทาง แล้วก็เข้าเนื้อหาของหนังได้แล้วนั้น ก็นับว่าตัวหนังออกจะไหลลื่นได้ดีเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะยังเป็นรสชาติ ที่ไม่ได้ให้ความอร่อยแบบธรรมชาติ สักเท่าไหร่นัก

จังหวะการตัดต่อแล้วก็ลำดับเรื่องราวในหนัง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ยังคงค่อนข้างต้องปรับอยู่อีกหน่อย เพราะเหตุว่าเป็นจุดที่คอยตัดอารมณ์ของหนังไปบ่อยครั้ง ยังไม่มีความละมุนในการ ใส่จุดเชื่อมโยงแต่ละฉาก แล้วก็ซีนไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งยังแอบเห็นว่า บางจุดก็ใส่เข้ามา เกินจำเป็นไปสักนิด แล้วก็บางซีนเหมือนจะยังลืม ๆ ใส่ส่วนประกอบที่ครบถ้วนเข้าไปอยู่บ้าง แต่ว่าเป็นเพียงจุดเล็กน้อย ที่แทบจะสังเกตไม่เห็นด้วยซ้ำ

ทางด้านการแสดงที่ต้องยอมรับว่า แทบจะไม่มีนักแสดงเบอร์ใหญ่ ๆ เลยในหนังเรื่องนี้ แต่ก็มีนักแสดงหลายคนที่ช่วยกัน ประคับประคองหนังเรื่องนี้ กันไปให้ตลอดรอดฝั่ง ซึ่งก็จะต้องชื่นชมการแสดง แล้วก็การแบกรับหนังเรื่องนี้ ของนักแสดงหนุ่ม “ต้น ศักราช” ที่เหมือนจะมีประสบการณ์ ทางการแสดงมากที่สุด ในบรรดาดารานำที่มีอยู่ และก็เป็นตัวละครที่คอยช่วยประคองหนังไว้ภายในหลาย ๆ จุด ถึงแม้ว่ามิติบทที่เขาได้รับนั้น แทบไม่มีอะไรเลย แล้วก็ออกจากน่ารำคาญ ไปสักด้วยซ้ำ ไปความสามารถการแสดงของเขา เอาได้อยู่

ในตอนที่ท่าทางการแสดงของ น้องโกฮัง ณัฐวรรธ ที่มารับบทหนักในหนังเรื่องนี้ ก็ต้องว่ายังไม่มีอะไร ที่น่าจดจำสักเท่าไหร่ แต่น้องก็ถือว่าพยายาม แสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ ถึงการแสดงจะยังต้องฝึกฝนอีกต่อไป แต่ว่าก็ถือว่าการเลือกน้อง มารับบทเป็นไอ้ไข่ในคราวนี้ เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมดี โดยเฉพาะอย่างลักษณะกายภาพของน้อง ที่ถือว่าค่อนข้างเหมาะสมกับตัวบทนี้ บางทีอาจยังไม่ใช่การแสดงที่ดีนัก แต่เชื่อว่าน้องจะ พัฒนาได้ดียิ่งขึ้นถัดไปแน่นอน

ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เฝ้า

ส่วนทีมนักแสดงคนอื่น ๆ ก็พากันช่วยแบกหนังเรื่องนี้ สักอย่างเต็มประสิทธิภาพ

ไม่ว่าจะเป็น “ครีมมี่ พลอยปภัส”, “โอโบ ธีรยา” หรือแก๊งรุ่นใหญ่ “ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง”, “โกวิท วัฒนกุล” หรือ “บุ๋มบิ๋ม สามโทน” มาช่วยเป็นคาแรกเตอร์เสริม ที่ทำให้หนังดูเติมเต็มเพิ่มขึ้น ถึงแม้บทบาทและคาแรกเตอร์ของพวกเขานั้น แทบไม่มีอะไรแปลกใหม่ รวมทั้งตื้นเขินไปเสียหมดก็ตามที

แต่สิ่งหนึ่งจะต้องปรบมือให้เสียงดัง ๆ ให้กับ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์เรื่องนี้ ก็คืองานวางแบบเทคนิคพิเศษ และซีจีต่าง ๆ เป็นที่ยอมรับว่าหนังทำออกมา ได้ค่อนข้างจะดีกว่า ที่คาดเอาไว้มากทีเดียว แม้ว่าจะมิได้องค์ประกอบนี้ ออกมาฟุ่มเฟือยเท่าไร แต่ว่าเห็นได้ชัดว่า เวลาใส่ออกมาแต่ละฉากนั้น ค่อนข้างพิถีพิถัน และใส่ใจงานซีจี อย่างละเอียดที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างดี นับว่าเป็นหนังที่มีดี ที่งานซีจีและไม่ใส่งานหยาบ ๆ ออกมาดูถูกผู้ชมเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากนั้น ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ค่อนข้างน่าพอใจอีกเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น องค์ประกอบศิลป์ต่าง ๆ ที่เซ็ตฉากออกมาได้ค่อนข้างจะน่าสนใจ รวมถึงงานถ่ายภาพ และก็ดีไซน์ภาพในหนังเรื่องนี้ มีหลาย ๆ ฉากที่ทำออกมาได้สวย ทั้งยังพยายามใส่มุมกล้องแบบใหม่ ๆ เข้ามาเป็นเทคนิคที่แปลกใหม่ ในหนังไทยได้ดีอีกด้วยเหมือนกัน

โดยภาพรวมแล้วนั้น ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ถือได้ว่าเป็นหนังที่พอดูได้เพลิน ๆ อาจจะยังไม่เข้าใกล้ คำว่าเพอร์เฟ็คเท่าไรนัก แต่ว่าก็จัดได้ว่า มีองค์ประกอบหลาย ๆอย่างที่น่าพึงพอใจดี บทหนังกับการเล่าเรื่องอาจจะ ยังเป็นจุดอ่อนไปสักหน่อย แต่ก็มีสิ่งอื่นเข้ามาทดแทน จุดด้อยของหนังได้อย่างดีเยี่ยม ถึงแม้ว่าก่อนที่จะเข้าไปดูหนังเรื่องมีความคิดส่วนตัวว่า จะเป็นหนังที่เชื่อมโยงโปรโมท กับความศรัทธาท้องถิ่นมากแน่นอน แต่ผลสรุปที่ออกมากลับไม่ใช่ นี่ก็คือหนังที่สร้างขึ้นจากตำนานกล่าวขานของชาวใต้ ที่เต็มไปด้วยความเคารพ และก็ความเชื่อ ที่มาจากพลังใจอย่างแท้จริง

 

M3GAN หุ่นสุดสยอง

US Boxoffice ยัยหุ่น "M3GAN" เฮี้ยนกระหึ่ม สู้สุดใจแข่งรายได้ "Avatar 2"

นับว่าโลกได้อ้าแขน ต้อนรับการมาของ M3GAN หุ่นสาวสุดสยองตัวใหม่ ที่กระหึ่มไม่เบา กลายเป็นการประเดิมเริ่มเปิดปีใหม่ ได้อย่างเป็นปรากฏการณ์ แม้ว่าพลังความแรงของเธอ อาจจะยังแรงไม่พอ ที่จะแซงหน้าแชมป์เก่า หนังบ็อกซ์บัสเตอร์เรื่องมหึมา แต่ว่าก็สามารถแย่งซีน รวมทั้งสร้างกระแส ทำให้เหล่าชาวนาวี แผ่วแรงลงไปบ้างได้เช่นนี้ ถือว่าเป็นบ็อกซ์ออฟฟิศ เริ่มต้นปีได้อย่างน่าสนใจไม่เบา

M3GAN อวตาร2

และแน่ ๆ ว่าสุดสัปดาห์นี้ “Avatar: The Way of Water”

ก็ยังคงครองบัลลังก์ได้อีกต่อไป ไปสู่สัปดาห์ที่ 4 ต่อเนื่อง กันอย่างงดงาม ผ่านตอนเทศกาลวันหยุดไปแล้ว แต่ว่ารายได้ ก็ยังน่าพอใจอยู่ เก็บไปได้อีก 45 ล้านเหรียญ ลดน้อยลงมาแค่ -33% พร้อมด้วยยังครองรอบ และโรงฉายทั่วอเมริกาได้มากที่สุดต่อไป โดยสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังมีการเพิ่มโรงฉายขึ้นอีก โดยประมาณหนึ่ง แต่รายได้เฉลี่ย ต่อโรงก็ยังสู้ แตะหลักหมื่นเหรียญแบบ ไม่ยอมตกลงมา

รายได้รวมในอเมริกาตอนนี้ทะยานไปที่ 516 ล้านเหรียญ ส่วนรายรับรวมทั่วโลก ในขณะนี้ก็พุ่งไปอยู่ที่ 1.7 พันล้านเหรียญ

ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ ที่ 7 ของรายได้หนังทำเงินสูงสุด ตลอดกาลของโลก และก็ดูทรงแล้วว่า ก็ไปสู่รายได้ 2 พันล้านเหรียญ คงจะไม่ได้ใช่ปัญหาอีกต่อไปแล้ว คาดว่าน่าจะใช้เวลาอีกราว 10 วันต่อจากนี้ เราน่าจะได้เห็นหนังเรื่องนี้ ก้าวขึ้นสู่หนัง 2 พันล้านเหรียญ ซึ่งจะกลายเป็นเรื่องที่ 6 ในประวัติศาสตร์ ที่ทำได้

ส่วนอาทิตย์นี้ ก็ต้องเปิดทางให้กับนาง “M3GAN” หนังหุ่นพี่เลี้ยงสะพรึง เป็นหนังใหม่ ที่เปิดตัวเรื่องแรกของปี 2023 กับปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดา เพราะว่าหนังสามารถ ฟันรายได้ 3 วันแรก ไปได้มากถึง 30.2 ล้านเหรียญ จาก 3,509 โรงฉายทั่วประเทศ

หรือคิดเป็นรายได้ เฉลี่ยต่อโรง ที่ประมาณ 8 พันเหรียญเศษ ๆ ที่นับว่าแรงพอได้เลย หนังเรื่องนี้ ได้ทีมผู้สร้างจากโปรดิวเซอร์ “เจมส์ วาน” ที่ขึ้นชื่อว่า เป็นเจ้าพ่อหนังสยอง มาช่วยปลุกความหลอน และยังผนึกกำลังกับ บลัมเฮาส์ อีกด้วย

M3GAN นักแสดง

สิ่งที่ได้เปรียบของ M3GAN

ก็อาจจะเป็นเพราะเหตุว่าเป็นหนังสยอง ที่ถูกจัดเรทแค่เพียง PG-13 ทำให้สามารถกวาด กลุ่มผู้ชมวัยุรุ่น ที่เป็นกลุ่มที่ผลักดันก่อให้เกิดกระแสไวรัล ท่าเต้นอันเป็นตำนานล่าสุด

เวลานี้เข้าไปซื้อตั๋วดูหนังได้เป็นอย่างดี อีกทั้งหนังยังได้กระแสตอบรับค่อนข้างดี จากนักวิจารณ์อีกด้วย เห็นได้จากคะแนน บนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ที่สูงถึง 95% หลาย ๆ คนแซวว่า สูงยิ่งกว่าหนังซูเปอร์ฮีโร่ ยุคนี้ด้วยซ้ำ

M3GAN หนังดี

แน่ ๆ ว่าหนังเรื่องนี้ ได้ดีเนื่องจากกระแสปากต่อปาก

จากผู้ชมโดยแท้ ทำให้หนังสามารถ ทำเงินเปิดตัวได้สูงยิ่งกว่า ที่สตูดิโอและก็นักวิจารณ์คาดเอาไว้ โดย M3GAN ใช้ทุนสร้างไปแค่เพียง 12 ล้านเหรียญแค่นั้น แม้ว่าจะมิได้ใช้นักแสดง ที่เป็นที่รู้จักอะไร แต่เนื้อหาของหนัง ก็ดึงดูดความพึงพอใจได้ดี รวมทั้งในตอนนี้หนังก็สามารถเปิดตัว กับรายได้รวมทั่วทั้งโลกได้มากกว่า 45 ล้านเหรียญแล้ว

ที่ยังทำผลลัพธ์ ได้อีกเรื่องก็คือ “Puss in Boots: The Last Wish”

ที่เป็นไปตามคาดว่า หนังจะสามารถโกยรายได้ ได้ยาว ๆ เพราะเหตุว่าในตอน 1-2 เดือนนี้ จะยังไม่มีหนังแอนิเมชั่น เรื่องใหม่ออกฉายเลย และก็คำวิจารณ์ รวมทั้งแรงเชียร์แบบปากต่อปาก ก็ช่วยส่งเสริมหนังเรื่องนี้เป็นอย่างดี

หนังทำเงินไปอีก 13.1 ล้านเหรียญ ลดน้อยลงไปเพียง -22% รวมทั้งมียอดรวม ในบ้านไปแล้วที่ 87 ล้านเหรียญ ส่วนรายได้รวมทั่วทั้งโลก ในขณะนี้ก็ใกล้แตะ 200 ล้านเหรียญแล้ว

“A Man Called Otto” หนังตลกร้ายรีเมคของ “ทอม แฮงก์ส” ที่ฤกษ์เปิดฉาย เป็นวงกว้างเพิ่มมากขึ้นในสัปดาห์นี้ ก็สามารถทำเงิน ทะยานขึ้นมาติด Top 5 ได้ กับรายได้ 4.2 ล้านเหรียญ จากเพียงแค่ 637 โรงฉายทั่วอเมริกา หรือคิดเป็นรายได้เฉลี่ย ที่ราว ๆ 6 พันเหรียญเศษ

ถือเป็นการออกสตาร์ท ที่น่าพอใจ แม้ว่าหนังจะ ยังไม่ได้ฉายวงกว้างเต็มสตริม แต่มีแผนที่จะขาย ไปถึงกว่าพันโรง ในครอบคลุมทั่วประเทศต่อไป เพียงแต่ว่าหนังจะมี กระแสบนเวทีรางวัลมา ช่วยหนุนไหม

นอกจากนี้ที่ปลายตารางยังมี “The Whale” หนังดราม่าลุ้นรางวัล ทางการแสดงของ “แบรนเดน เฟรเซอร์” ที่มีลุ้นจะได้ออสการ์ ยังทำเงินได้ดี ไปอีก 1.5 ล้านเหรียญ โดยมีการเพิ่มโรงฉายเพิ่มขึ้นอีกหน่อย เป็น 835 แห่งทั่วประเทศ

แม้ว่าจะยังมิได้ฉายแบบเต็มรูปแบบ ทั่วอเมริกา แต่ว่าปัจจุบันนี้ก็เก็บรายได้ มาตุนเอาไว้ที่ 8 ล้านเหรียญเศษ ๆ หนังยังมีอนาคตอีกไกล ไปจนกว่าช่วงฤดูกาลล่ารางวัล จะสิ้นสุดลงในมีนาคม

สำหรับอาทิตย์ที่จะถึงนั้น ที่นอกเหนือจากการที่จะมี A Man Called Otto ขยายโรงฉายเป็นวงกว้างขึ้น หลักพันโรงฉายทั่วอเมริกาแล้ว ยังมีหนังใหม่มาอีก 3 เรื่องนี้ ได้แก่ หนังแอคชั่นเรื่องใหม่ของ “เจอราร์ด บัตเลอร์” ที่จัดเตรียมแลนดิ้งใน “Plane” ตามมาด้วยหนังตลกรีเมค ที่เฉพาะกลุ่มคนอเมริกันผิวสี “House Party” รวมทั้งหนังเขย่าขวัญไซไฟ “The Devil Conspiracy” มีแผนจะฉาย ในวงค่อนข้างกว้าง