‘น้องตะวัน’ ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ เก็บเงินกระทง จมน้ำดับ ขอบริจาคร่างกายช่วย 5 ชีวิต

ชาวเน็ตสุดสงสารอาลัย.. “น้องตะวัน” กับชีวิตที่เลือกเกิดไม่ได้ ครอบครัวยากจน เก็บเงินในลอยกระทงแต่พลาด จมน้ำดับ แต่ขอสร้างกุศลครั้งสุดท้าย บริจาคอวัยวะ ช่วยได้อีก 5 ชีวิต

เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ทำเอาชาวเน็ตระทดสั่นสะเทือนใจไปตามๆกัน สำหรับกรณีของเด็กชายกิตตินันท์ ฤทธิ์มหาหรือน้องตะวัน อายุ 11 ขวบ ชาวบ้านชัยพรต.โนนสูงอ.เมืองจังหวัดอุดรธานี มาเที่ยวลอยกระทงกับครอบครัวหน้าเทศบาลตำบลโนนสูง-น้ำคำและก็เดินเก็บเงินในกระทง โดยมีพี่ชายเดินดูอยู่ใกล้ๆแต่พอพี่ชายเผลอน้องตะวันได้หายไปจนถึงสุดท้ายมาพบว่า “น้องตะวัน” ได้จมน้ำ นำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งทางแพทย์ได้แจ้งว่า สมองตายไม่มีการสนองนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 พ.ย. โลกออนไลน์ได้เกิดกระแสแชร์เรื่องราวจากแฟนเพจ @วารินชำราบบ้านเฮา อุบลราชธานี ที่ได้บอกกล่าวเรื่องราวเกี่ยวกับ “น้องตะวัน” ระบุว่า “ชีวิตที่เลือกไม่ได้ของน้องตะวัน เด็กชายกิตตินันท์ ฤทธิ์มหา อายุ 11 ปี อยู่ ต.โนนสูง อ.เมือง จังหวัดจังหวัดอุดรธานี พ่อเป็นพนักงานปั๊มน้ำมัน ส่วนแม่เป็นแม่บ้าน” พ่อแม่มีลูก 3 คน มีน้องเตยหอม อายุ 17 ปี และก็น้องต้นน้ำ อายุ 13 ปี ส่วน น้องตะวัน เป็นลูกคนสุดท้อง เป็นผู้เรียนชั้น ป.5 โรงเรียนบ้านชัยพรมิตรภาพที่ 67 ข่าวจมน้ำ ล่าสุด

น้องเป็นเด็กเรียนดี ร่าเริง ขยัน ช่วยเหลืองานบ้าน ด้วยฐานะทางบ้านยากแค้นน้องก็เลยรู้จักออมเงินไว้ใช้เอง น้องจะหาเก็บของเก่าไปขาย ไปตามงานโปรยทาน งานฌาปนกิจศพ งานกฐิน งานทำบุญต่าง ๆ น้องอยากได้โทรศัพท์มือถือ ตอนนี้น้องเก็บเงินได้ 500 บาทแล้ว ลอยกระทงในคืนที่ผ่านมา ที่เกาะกลางหนอง บ้านหนองโป่งนกเป้า หน้าเทศบาลตำบลโนนสูง-น้ำคำ ต.โนนสูง อ.เมือง จังหวัดจังหวัดอุดรธานี เป็นอีกหนึ่งงานที่ น้องตะวัน ตามไปเก็บเงินในกระทง น้องว่ายไม่เป็นยืนอยู่ริมทางเดินคอนกรีต โดยมีแม่กับพี่ชายรอจับตาดูด้วยความเป็นห่วง มีคนมาลอยกระทงเป็นจำนวนมากจนถึงเกิดการแออัด สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

น้องตะวัน เก็บเงิน

พ่อแม่ “น้องตะวัน” ร่ำไห้ เก็บเงินกระทง จมน้ำดับ สมองตาย

นางวันทนา และก็นายพินิจ กล่าวว่ากล่าวเมื่อคืนนี้พ่อและก็แม่ได้พาลูก3คนไปลอยกระทงและก็เที่ยวงานลอยกระทง ที่หนองโป่งนกเป้าหน้าเทศบาลตำบลโนนสูง-น้ำคำโดยเดินเข้าไปลอยกระทงในเกาะกลางน้ำส่วนพ่อกลับบ้านก่อนน้องตะวันจะยืนอยู่ทางคอนกรีตชั้นล่าง มองเห็นเงินในกระทง 10 หรือ 20 บาท ก็อยากได้ตามประสาเด็ก ก็เลยยืนอยู่ริมน้ำรอเก็บเงินในกระทง ตนนั่งกินซูชิมองดูลูกอยู่ใกล้ ๆ ซึ่งน้องตะวันก็ได้เดินขึ้นมากินซูชิกับตนก่อนจะเดินกลับไปเก็บเงินระยะเวลาไม่นานพี่ชายไปหาน้องไม่มองเห็น จึงมาบอกแม่และก็บอกทหารให้งมพบว่าน้องจมน้ำหมดสติ ปั๊มหัวใจแล้วนำส่งโรงพยาบาล

บุญสุดท้ายของน้องตะวัน นายพินิจ ฤทธิ์มหา อายุ 42 ปี และก็นางวันทนา ฤทธิ์มหา อายุ 40 ปี “พ่อแม่น้องตะวัน ก็เลยได้ตัดสินใจทำบุญให้น้องครั้งสุดท้ายก่อนจะหมดลมหายใจ โดยบริจาคอวัยวะที่ยังคงใช้การได้นำไปช่วยเหลือเพื่อต่อลมหายใจให้กับคนเจ็บรายอื่นที่ท้อแท้จากการรักษา ให้กลับมามีชีวิตใหม่ที่ดียิ่งขึ้นได้ถึง 5 ชีวิต ได้แก่ ตับ และก็ไต 2 ข้าง กระจกตา 2 ข้าง” ขอผลบุญสุดท้ายที่น้องได้ทำในครั้งนี้ ควรนำมาซึ่งการทำให้น้องได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี ไปเป็นเทวดาอยู่บนสรวงสวรรค์นะคะ น้องตะวัน เด็กชายกิตตินันท์ ฤทธิ์มหา ความดีที่ไม่หมดคือการอุทิศอวัยวะเมื่อยามสิ้นสูญ ข่าวตกน้ำ ล่าสุด2565

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว นักข่าวเดินทางไปที่หนองโป่งนกเป้า หน้าเทศบาลตำบลโนนสูง-น้ำคำ ต.โนนสูง อ.เมือง จังหวัดจังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ เจอ นางสาวสมฤทัย สุขมะโน พนักงานกู้ชีพเทศบาลตำบลโนนสูง-น้ำคำ เดินไปชี้จุดเกิดเหตุ ที่ เด็กชายกิตตินันท์ ฤทธิ์มหา หรือน้องตะวัน อายุ 11 ปี ชาวบ้าน หมู่ 14 บ้านชัยเจริญ ต.โนนสูง อ.เมือง จังหวัดจังหวัดอุดรธานี จมน้ำ ซึ่งอยู่ภายในเกาะกลางหนองน้ำ มีทางเดินคอนกรีตรอบเกาะกลางกว้างประมาณ 1.5 เมตร และก็มีขั้นบันไดอยู่ในน้ำ 1 ขั้น บริเวณที่เด็กจมน้ำอยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 2-3 เมตร และก็มีเรือเจ้าหน้าที่ ปภ.ลอยอยู่ห่างจากฝั่ง 5-6 เมตร

นางสาวสมฤทัย กล่าวว่า เมื่อคืนนี้เทศบาลได้จัดงานวันลอยกระทง มีชาวบ้านมาร่วมงานจำนวนมาก ซึ่งได้ประกาศห้ามเด็กลงไปเก็บเงินในกระทง ด้วยเหตุว่าสระลึกประมาณ 4-5 เมตร แต่ด้วยเหตุว่ามีผู้คนจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ดูแลไม่ทั่วถึง ซึ่งเด็กที่ตกน้ำมาเที่ยวกับพ่อ แม่ และก็พี่ เด็กจะลงมายืนตรงบริเวณขั้นบันไดในน้ำ เพื่อเก็บเงินในกระทง ไม่นานก็มีคนมาบอกทหารว่ามีเด็กตกน้ำ และก็ชี้จุดบริเวณที่เด็กตกลงไป

น้องตะวัน จมน้ำ

น้องตะวัน บริจาค

ด้าน นางวันทนา ฤทธิ์มหา อายุ 40 ปี และก็นายพินิจ ฤทธิ์มหา อายุ 42 ปี แม่และก็พ่อน้องตะวัน

กล่าวว่าพ่อเป็นพนักงานปั๊มน้ำมันส่วนแม่เป็นแม่บ้านมีลูก3คนน้องตะวันเป็นคนสุดท้อง เรียนอยู่ชั้น ป.5โรงเรียนบ้านชัยพรมิตรภาพที่67ปกติน้องเป็นเด็กร่าเริง ขยัน เรียนเก่ง ช่วยเหลืองานบ้านดี ออมเงินไว้ใช้ ถ้าหากอยากได้อะไรก็จะหารายได้เก็บของเก่า และก็เก็บเงินโปรยทานงานกฐิน งานทำบุญ งานฌาปนกิจศพ ตอนนี้น้องตะวันอยากได้โทรศัพท์มือถือ ก็เลยหารายได้เพื่อเก็บเงิน ตอนนี้สะสมเงินได้ 500 บาทแล้ว

“อาการของน้องหมอกล่าวว่าสมองตายแล้วไตวาย ตับไม่ทำงาน และก็ปอดมีเลือดออกในปอด เนื่องจากน้ำเข้าปอดจำนวนมากถ้าหากถอดเครื่องช่วยหายใจน้องไปได้เลย หมอให้ยากระตุ้น3ตัวแล้ว แต่น้องไม่ตอบสนองการรักษานอนนิ่งกำลังมีความรู้สึกว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกถึงกระโดดลงไปเองมีคนผลักเดินชนเนื่องจากเป็นคนกลัวตาย กลัวจมน้ำถ้าหากต้องลงจะเลือกลงที่ตื้นที่สุดที่ทำได้ แต่จมน้ำแบบไหนเดินลงไปหรือกระโดดลงไปตอนไหน อยู่กับลูกตลอดพี่ชายไปหาน้องไม่มองเห็น มองเห็นรองเท้าลอยข้างเดียว ก็เลยวิ่งมาบอกแม่ว่าไม่มองเห็นน้อง ก็เลยวิ่งไปบอกทหารว่าน่าจะจมตรงนี้ เนื่องจากมีฟองอากาศลอยขึ้นมา ทหารกระโดดลงไปช่วย และก็ดึงขึ้นมา” แม่น้องตะวัน กล่าว

นายพินิจ กล่าวอีกว่าไม่เคยมาเที่ยวกับลูกมีแต่ให้ลูกมากับแม่ตนอยู่กับลูกประมาณ1ชม. และก็ได้กลับบ้านก่อน แต่ก่อนกลับตนได้ขึ้นเขาสะพานยืนมองดูดูลูกยืนแช่น้ำไม่ลึกเก็บเงินในกระทงและก็ดูว่าแม่ดูแลลูกอย่างไร พอตนแน่ใจว่าจะปลอดภัยก็เลยกลับบ้าน และก็มารู้ดีว่าลูกจมน้ำ คุณหมอแนะนำว่า ลูกมีบุญกับเราเท่านี้ ร่างกายน้องยังเด็ก อวัยวะบางส่วนยังคงใช้ได้ทำบุญครั้งสุดท้ายให้กับลูกก่อนจะหมดลมหายใจ ก็เลยหารือกับภรรยา และก็ตกลงกันว่าจะบริจาคอวัยวะของลูก ซึ่งหมอได้นำเลือดน้องตะวันส่งไปตรวจต้องรออีก 2-3 วัน พอให้ครอบครัวของตนได้ทำใจ

ส่วนเด็กชายต้นอายุ 13 ปี พี่ชายน้องตะวันกล่าวว่า ตนกับน้องได้เดินรอบๆหนองน้ำ ตนจะชี้กระทงให้น้องเก็บเงิน จากนั้นตนก็เลยได้เดินกลับไปที่จุดที่แม่และก็พี่สาวนั่งตนนั่งกินซูชิกับญาติไม่นานน้องตะวันก็เดินตามมากินซูชิเสร็จแล้วเดินกลับไปเก็บกระทงต่อตนนั่งกินต่อ2ชิ้น ก็รีบเดินออกมาหาน้องแต่ก็ไม่เจอ มองหาซ้ายขวาก็ไม่เจอ ก็เลยเดินตามหารอบเกาะ แต่ตนมองเห็นรองเท้าน้องลอยขึ้นมาจากน้ำ และก็มีฟองอากาศ ตนก็เลยได้เรียกแม่ และก็ให้คนแถวนั้นลงไปช่วยเอาน้องขึ้นมา ส่วนตนก็ไปเรียกเจ้าหน้าที่กูภัยมาช่วย

พี่ชายน้องตะวัน กล่าวเพราะ ตอนนั้นน้องจมน้ำไปประมาณ 10 นาที ตอนเป็นเด็กตนก็เคยมาเก็บเงินในกระทง แต่พอโตก็เลิกเก็บ พอน้องมาเก็บตนก็จะมาด้วย ตนก็ไม่มีความรู้สึกว่าน้องชายจะจากไปฉับพลันแบบนี้ ตนก็อยากฝากให้ระวังเกี่ยวกับน้ำ ใครว่ายไม่เป็นก็ต้องมีคนแก่อยู่ข้างๆเนื่องจากอันตรายเกิดขึ้นได้เสมอ อาจจะเกิดเหตุการณ์แบบครอบครัวตนได้.

ขอบคุณภาพและก็ข้อมูลจาก @วารินชำราบบ้านเฮา อุบลราชธานี